pue's tales ; tales from pue
Trap chapter 2
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
Chapter 2 ; 360 องศา

หลังจากที่กลับหอแล้วมัลฟอยก็ไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้เลย ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของเฮอร์ไมโอนี่ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอมาบอกรักเขา ตอนที่สบตากันระหว่างทางเดิน ตอนที่เขาโอบกอดร่างของเธอไว้ หรือว่าจะเป็นตอนที่น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มสีชมพูระเรื่อของเธอ เขายังจำได้ดีถึงกลิ่นกายและรสจูบที่เขาจูบเธอเมื่อคืน มันช่างหอมหวานจนทำให้เขาไม่อยากที่จะถอนจูบนั้นออกมาเลยทีเดียว ใจเขาประหวัดไปคิดว่าจะดีแค่ไหนหนอ หากว่าเขาได้เป็นเจ้าของเธอทั้งตัวและหัวใจ แต่แล้วความคิดของเขาก็สะดุดลงตรงที่เธอเป็นเลือดสีโคลน 'ใช่ เธอเป็นเลือดสีโคลนสกปรก' เขาสะบัดหัวแรงๆ สองสามครั้งเพื่อไล่ความคิดที่เขามีต่อเธออกไป 'ฉันไม่มีวันชอบเลือดสีโคลน ไม่มีวัน' สมองของเขาพยายามให้ใจของเขาคิดเช่นนั้น แต่ว่าใจของเขามันช่างดื้อดึงไม่ทำตามเอาเสียเลย เขาคิดประหวัดไปถึงตอนที่เขาพบกับเธอครั้งแรก
 
"เธอเห็นคางคกบ้างไหม คนที่ชื่อเนวิลเค้าทำหาย" เสียงของเธอดังเจื้อยแจ๊วอยู่ในโสตประสาท เขายิ้มเล็กๆ เมื่อคิดถึงตอนนี้  "คนอะไรหัวฟูเป็นบ้าเลย" เขาบ่นพึมพำพอให้เขาได้ยินคนเดียว แต่พอเขาคิดถึงตอนปี 3 ที่เธอตบหน้าเขา เขาก็เปลี่ยนแววตาเป็นโกรธขึงขึ้นมาทันที "ฉันจะเอาคืนแน่เกรนเจอร์" เขาพึมพำขึ้นมาอีก จากนั้นเขาก็คิดเรื่อยมาจนถึงตอนที่เขาโดนสาปเป็นเฟเร็ตสีขาว มันทำให้เขาหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาโกรธแค้นแม้ดอาย มูดดี้ แต่ว่าการที่เขาโดนสาปก็ทำให้เราได้รู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา
 
"น่าสงสารมัลฟอย เขาเจ็บมากเลยนะ เขากระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แล้วเขาก็คิดถึงงานเลี้ยงเต้นรำ เธอเดินเคียงคู่มากับวิกเตอร์ ครัม เขาขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ "ไอ้ค่อม" เขาพูดมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แล้วเขาก็คิดถึงเรื่องตอนปี 5 ที่เธอ.......
 
"เฮ้ยยยยยยยยยยยยย" เขาตะโกนเสียงดัง "แครบ กอยล์ พวกแกมานั่งมองอะไร" เขาถามพลางดีดตัวลุกขึ้น 'เฮ้อ นึกว่าโทลล์ภูเขาลอบเข้ามาในหอเสียอีก' เขานึกในใจพลางหอบด้วยความตกใจ
 
"นายพึมพำอะไรน่ะ มัลฟอย" แครบถามด้วยความสงสัย หลังจากได้ยินเสียงเขาพึมพำอะไร 2 - 3 ประโยค แถมเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวโกรธ จนเขาคิดว่าเพื่อนของเขาคนนี้ต้องไปกินอะไรมาผิดขนานแน่ๆ
 
"ไม่มีอะไรทั้งนั้น พวกแกตื่นมาทำไม ไปนอนเซ่" เขาตะโกนใส่หน้าเพื่อนทั้งสองก่อนรูดม่าน หันหลังนอน 'ให้ตายสิ ปกติถีบให้ตายยังไงก็ไม่ตื่น ทำไมวันนี้แค่พึมพำแค่นี้ตื่นง่ายนักว่ะ'
 
ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันอย่างสงสัย แต่เขาทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรไปมากกว่านี้ เพราะดีไม่ดีอาจจะโดนเสกเป็นลูกหมูน้อยกลิ้งอยู่ในหอนอนก็ได้ ความจริงแล้วเขาทั้งสองไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงมัลฟอยหรอก แต่บังเอิญว่าเขาทั้งสองหิวขึ้นมา แล้วพอดีกับได้ยินมัลฟอยบ่นพึมพำ เพื่อความแน่ใจจึงมานั่งฟังใกล้ๆ เท่านั้นเอง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
เมื่อรัตติกาลกล่าวคำอำลาเวลาเช้าก็มาถึง เด็กหนุ่มผมบลอนด์ตื่นขึ้นมาหลังจากแสงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างที่หอนอนมาทักทายเขา เขาหรี่ตาเพื่อปรับสภาพสายตาให้ชินกับแสงสว่างอย่างช้าๆ เขาค่อยลุกขึ้นจากที่นอน เขาอดไม่ได้เลยที่จะติดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง เขาเคยถูกผู้หญิงบอกรักอยู่หลายคน (โดยมากมาจากยัยแพนซี่ พาร์กินสันเนี่ยแหละ) แต่เขาก็ไม่เคยเก็บเอามาคิดมาก แต่เขาก็พยายามคิดว่า เพราะยัยเกรนเจอร์เป็นศัตรูตัวฉกาจนะสิ เขาถึงได้แปลกใจและเก็บมาคิดมากกว่าคนอื่นๆ เขาพยายามไล่ความรู้สึกผิด ยามที่นึกถึงดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาของเธอไปให้พ้นจากสมอง "ยัยเลือดสีโคลน" เขาพยายามบอกกับตัวเองอย่างนี้ตลอด เพื่อที่จะไม่ทำอะไรโง่ๆ ที่คนในตระกูลมัลฟอยไม่มีทางทำอย่างเด็ดขาด ก็จำพวกขอโทษ หรือว่ารู้สึกผิดอะไรเทือกนี้ หลังจากจมอยู่กับความคิอของตัวเองอยุ่นาน เขาก็ตัดสินใจลุกไปห้องน้ำล้างตาล้างตาเพื่อที่จะไปกินข้าวที่ห้องโถง
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของผู้คนมากมายที่เดินอยู่บนระเบียงทางเดินเพื่อที่จะเดินทางไปกินข้าวเช้ายิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปทุกที ตอนนี้เขาเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อนของเขาทั้งสองคน(หรืออีกนัยหนึ่งก็คือลูกน้องของเขา)เดินตามอย่างหวั่นๆ
 
"นายว่ามั้ยว่าวันนี้มัลฟอยดูตาขวางอะไรพิกล" แครบกระซิบเบาๆ พอให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน
 
"นั่นสิ ตาดุยังกับหมาเลย" กอยด์เสริม
 
"นี่พวกแก" เสียงมัลฟอยหันมาตวาด ทำให้แครบและกอยด์สั่น เขาจะโดนสาปเป็นตัวอะไรเนี่ย โธ่อุตส่าห์พูดเบาๆ แล้วนะ หูดีชะมัดเลย
 
"เดินให้มันเร็วๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ปกติเห็นรีบไปกิน วันนี้เดินยังกับเตาคลาน" มัลฟอยพูดต่อแล้วสะบัดผ้าคลุมเดินนำไป
 
ทั้งสองถอนหายใจอย่างโล่งอก กอยล์ไม่อาจรู้ชะตาตัวเองได้เลยว่าหากมัลฟอยได้ยินว่าเขาบอกว่ามัลฟอยเหมือนหมาจะเป็นเช่นไร
 
มัลฟอยเดินมาตามทางเรื่อยจนถึงประตูห้องโถง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเปิดประตู แม้ว่าสมองของเขาจะสั่งการให้เขาไม่สนใจเธอ แต่ว่าหัวใจของเขานี่สิไม่ทำตามเอาเสียเลย มันยังคอยคิดถึงเธอ คิดว่าเธอจะเป็นยังไง รู้สึกอย่างไร นี่เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย แค่วันเดียวกลับเปลี่ยนความคิดของเขาให้หมุนกลับ 360 องศาได้ขนาดนี้เลยเหรอ เขาเคยเกลียดเลือดสีโคลน ไม่สิ เขายังคงเกลียดเลือดสีโคลน แต่สำหรับเธอ เฮร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เธอมีบางอย่างที่แตกต่างไปจากคนอื่น เขายอมรับว่าตั้งแต่ปี 4 เป็นต้นมาเธอก็อยู่ในหัวข้อสนทนาของผู้ชายในฮอกวอร์ต ก็แน่ละสิ ตอนงานเต้นรำเธอสวยออกขนาดนั้น ใครจะไปคิดว่ายัยหัวฟู หนอนหนังสือจะสวยได้ขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะแสร้งทำทีเป็นไม่สนใจ แต่เขาก็อดที่จะยอมรับลึกๆ ไม่ได้ว่า หากเธอไม่ใช่เลือดสีโคลนก็น่าลองไม่ใช่น้อย
 
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องโถง พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่มองไปทางฝั่งโต๊ะกริฟฟินดอร์ เขารีบเดินไปที่โต๊ะของสลิธิลินอย่างรวดเร็ว และก้มหน้าก้มตากินจนแครบและกอยล์อดที่จะสงสัยไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนหัวทองของเขา แต่ตามปกติวิสัยของมนุษย์ที่ยิ่งห้ามเท่าไหร่ก็ดูเหมือนกับหัวใจเรียกร้องให้ทำ ระหว่างที่มัลฟอยกินข้าวเช้าอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ เขาตวัดสายตาไปเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองโต๊ะกริฟฟินดอร์อย่างสงสัย 'ยัยนั่นหายไปไหน' ใช่แล้วเธอไม่อยู่ที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ ตรงที่ที่น่าจะมีเธออยู่ ตรงข้ามเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวีสลีย์ตรงนั้น เธอไม่ได้นั่งอยู่ ตอนนี้เขาอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่าเธอหายไปไหน เธอคิดมากเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า
 
"โธ่เว้ย" เขาตะโกนแล้วทุบโต๊ะดังตึง คนทั้งห้องโถงหันมามองเขาเป็นตาเดียว แต่อารมณ์เขาตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว เขาลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินปึงปังออกไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปตามทางเดิน ออกไปที่นอกปราสาท ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสาวน้อยผมสีน้ำตาลยืนอยู่ใต้ต้นสน
 
"เธอต้องชดใช้เกรนเจอร์" เขารีบเดินไปหาเธออย่างรวดเร็วด้วยความโมโห แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เพราะบริเวณดังกล่าวไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว แต่มี....... "ไอ้หน้าจืดคาร์ลอสเอ้ย" เขาคำรามขณะที่เห็นหน้าของอีกคนชัดๆ ทีแรกเขาตั้งแต่จะแอบฟังว่าคนทั้งสองคุยกันเรื่องอะไร แต่พอเห็นคาร์ลอสจับมือของเฮอร์ไมโอนี่ความหวงก็พุ่งขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พิศวาสเฮอร์ไมโอนี่สักเท่าไหร่ (จริงเหรอ) แต่เขาก็คิดว่า เธอมาบอกรักเขา ยังไงเธอก็ต้องชอบเขาสิ นี่ผ่านไปได้แค่วันเดียว เธอไปจี๋จ๋ากับคนอื่นอย่างนี้เท่ากับหยามเขาชัดๆ
 
"โอ๊ะ โอ เลือดสีโคลนไม่ยอมกินข้าวเช้า แต่แอบมาพลอดรักอยู่ตรงนี้นี่เอง" เขาพูดพลางทำหน้าที่เขาคิดว่ากวนที่สุดเท่าที่ทำได้ในตอนนั้น เธอไม่ตอบโต้อะไรเขาทั้งสิ้น เธอเพียงแต่มองหน้าเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ แล้วหันไปพูดกับผู้ชายที่เกาะกุมมือเธอไว้
 
"เราไปกันเถอะเดฟ" คาร์ลอสพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย แล้วขยับตัวเดินออกไปจากบริเวณนั้น เขารู้ดีว่าการมีเรื่องกับมัลฟอยไม่ใช่เรื่องดี
"เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน" มัลฟอยพูดแล้วเดินเข้าไปขวาง "นายไปได้คาร์ลอส แต่เธอต้องอยู่ที่นี่" เขาปรายตามองไปที่เฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อย "..กับฉัน ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับยัยเลือดสีโคลนเสียหน่อย"
 
"ไม่มัลฟอย ถ้านายจะคุยกับเธอ ก็คุยเลย เธอมากับฉัน เธอก็ต้องกลับไปกับฉัน" แม้ว่าแววตาของคาร์ลอสจะมีแววหวั่นเกรงอยู่บ้าง แต่เขาก็รู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เขารู้ดีว่าทั้งสองคนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน หากเขาปล่อยเธอเอาไว้ย่อมไม่ดีแน่ๆ
 
"นายกำลังทำให้ฉันโมโหนะคาร์ลอส" เขากัดฟังแล้วควักไม้กายสิทธิ์จ่อไปที่หน้าของคาร์ลอส
 
"เดฟ เดินไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป" เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขึ้นหลังจากเห็นว่าหากปล่อยเอาไว้สถานการณ์คงเลวร้ายกว่านี้แน่ๆ
 
"แต่ว่า........" เฮอร์ไมโอนี่บีบมือคาร์ลอสเบาๆ แล้วพยักหน้าให้เขาเข้าไปก่อน
 
"ฉันไม่เป็นไรหรอก เชื่อสิ" เมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดเช่นนั้นเขาจึงต้องจำใจเดินออกไปจากบริเวณนั้น
 
"เนื้อหอมจริงๆ นะเกรนเจอร์ เธอจะเหมาผู้ชายทุกคนในฮอกวอร์ตเลยหรือไง"
 
"นายมีอะไรก็รีบพูดมาดีกว่า ฉันไม่มีเวลามาก" เธอพูดเสียงขุ่นๆ ใส่เขา
 
"ท่าทางเธอจะลืมคืนวันอันร้อนแรงของเราเมื่อคืนแล้วสิ"
 
"นาย......... มัน" เธอทำท่าจะโกรธ แต่แล้วก็สะบัดหน้าถอนหายใจอย่างแรงแล้วพูดขึ้นโดยที่ไม่มองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย "นายมีอะไรก็ว่ามา ถ้าไม่มีอะไรฉันจะไป"
 
"เกรนเจอร์ ฉัน......." เสียงเขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วเขาก็เอื้อมมือของเขาไปจับมือของเธอ เมื่อเธอเห็นกริยาของเขาเช่นนั้นเธอจึงเงยหน้ามองเขา "มีอะไรก็พูดมามัลฟอย"
 
เขาถอนหายใจแรงๆ หนึ่งที "ไม่มีอะไรเธอไปเถอะ" เขาพูดจบก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เธอยืนมองเค้าอยู่ครู่ใหญ่ๆ เหมือนกับว่าตอนนี้เธอกำลังตัดสินใจอะไรบางครั้งที่มันสำคัญมาก และแล้วเธอก็นั่งลงบนพื้นใกล้ๆ กับเขา "มัลฟอย นายจะคบกับฉันได้ไหม" เธอถามเสียงอ่อน พลางจ้องมองไปที่ดวงตาสีซีดของเขา
 
"ฉันถามจริงๆ เถอะ เธอเป็นบ้าไปหรือเปล่า ฉันกับเธอไม่เคยพูดกันดีๆ เธอควรจะเกลียดฉันเหมือนกับที่ฉันเกลียดเธอ" เขาขมวดคิ้วมองเธอด้วยสายตาสงสัย "บอกฉันหน่อยสิเกรนเจอร์ ทำไมเธอถึงชอบฉัน"
 
"ฉัน.........คือว่า...........เอ่อ..............."
 
"ว่าไงล่ะ" เขาเอนตัวลงนอนกับพื้นหญ้าโดยเอาแขนหนุนเอาไว้
 
"ความรักไม่มีเหตุผลมัลฟอย ฉันไม่เคยตอบได้ว่าทำไมฉันถึงรักใคร ฉันรักเพราะรัก ชอบเพราะชอบ ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากนั้น"
 
"แหวะ" เขาลุกขึ้นทำท่าจะอ้วกเสียให้ได้จริงๆ "เธอไปเอาคำพวกนี้มาจากไหน เลี่ยนชะมัดยาก"
 
เฮอร์ไมโอนี่เบะปาก หันหน้าไปทางอื่น "เอามาจากละครตอนเย็น"
 
"อะไรของเธอลาคอนรุญญ่า ลาซานญ่า" เขาขมวดคิ้วมองเธอด้วยสายตาสงสัย
 
"ละคร มันอยู่ในทีวี ในโลกของมักเกิลน่ะ"
 
"หึ มักเกิล" ทีนี้เป็นตาเขาเบะปากไม่พอใจบ้าง
 
"ว่าไงล่ะ นายยังไม่ได้ตอบฉันเลย นายจะคบกับฉันไหม" เธอมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
 
"นี่เกรนเจอร์ เธอมาขอคบกับฉันหรือว่าเธอจะมาท้าฉันต่อยกันแน่"
 
"นั่นแหละ นายพูดมาสิ"
 
"ก็ได้"
 
"นึกแล้วเชียวว่าต้องไม่สำเร็จ นายต้องปฏิเสธฉัน เฮ้อ ฉันไปล่ะนะ" แล้วเธอก็ลุกและทำท่าจะเดิน แต่แล้วสติของเธอก็กลับมา เธอหันหน้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว "นายว่าไงนะ"
 
"ฉันบอกว่า - ก็ - ได้ -" เขาย้ำคำนั้นช้าๆ "ฉันเห็นแก่ความพยายามของเธอ แต่ว่า ..."
 
"แต่ว่าอะไร" เธอถามเสียงตื่นเต้น
 
"เธอนี่จะฟังฉันพูดให้จบก่อนไม่ได้หรือไง" เขาพูดอย่างรำคาญๆ
 
"ก็นายพูดช้านี่นา"
 
"แล้วใครจะพูดเร็วเป็นต่อยหอยเหมือนเธอล่ะ"
 
"โอเคๆ ฉันยอมแพ้ ฉันขอโทษ นายว่ามาว่าแต่ว่าอะไร"
 
เขาย่นจมูกแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นมาว่า "แต่ว่าทุกอย่างต้องเป็นความลับ ฉันไม่อยากให้พ่อของฉันรู้เรื่อง อีกอย่าง ถ้ามีใครรู้ว่าฉันคบกับเลือดสีโคลนก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน และขอให้เธอเข้าใจไว้ด้วยว่าที่ฉันคบกับเธอไม่ใช่เพราะพิศวาสนึกรักอะไรเธอขึ้นมาหรอกนะ เพียงแต่ฉันสมเพชเธอ มาบอกรักฉันตั้งหลายครั้ง แถมยังมาขอฉันคบอีกหลายที กลัวเธอจะเสียกำลังใจไม่กล้าไปบอกรักใครอีก แล้วก็....."
 
"พอๆ เลยมัลฟอย หยุดๆๆ ฉันเข้าใจแล้ว" เฮอรไมโอนี่ตัดบทเขา
 
"นี่ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ" เขามองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจ "กฎข้อที่ 1สำหรับการเป็นแฟนกับฉัน ห้ามพูดแทรกขณะที่ฉันพูด เข้าใจมั้ย" เขามองหน้าเธออย่างเอาเรื่อง
 
"กฎข้อที่ 1 ของการเป็นแฟนฉัน มัลฟอย ต้องรักษาเวลา" เธอลุกแล้วฉุดเขาขึ้นมา "ถึงเวลาเรียนแล้ว แล้วเจอกัน"

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
<<<back         1           2            3            4             5                            next>>>