pue's tales ; tales from pue
Trap chapter 1
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
Chapter 1 ; คำบอกรักจากเลือดสีโคลน

มัลฟอย ฉันชอบนาย" เสียงบอกรักที่ดูเหมือนตะโกนดังออกมาจากปากของคนเด็กสาว คนที่คนฟังประโยคนี้คิดว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่พูดประโยคนี้กับเขา เขาขมวดคิ้วอย่างลืมตัว 'ยัยนี่เหรอชอบฉัน บ้าน่า รอให้โลกแตก เมอร์ลินฟื้นคืนชีพ นายท่านกลายเป็นพ่อมดที่ชอบมักเกิ้ล ดัมเบิ้ลดอร์กลายเป็นผู้เสพความตายมันยังน่าเชื่อกว่านี้เลย'

"เธอว่าไงนะ ฉันไม่ได้หูฟาดไปหรอกนะ ยัยเลือดสีโคลน" เขาพูดพลางหันไปมองซ้ายมองขวาว่ามีคนอื่นอยู่แถวนั้นหรือเปล่า เผื่อว่าคนที่เธอบอกรักจริงๆ จะไม่ใช่เขา แต่เป็นใครบางคนที่อยู่ข้างหลังเขา หรือว่าอยู่บนฟ้า

"ไม่ นายได้ยินถูกต้องแล้ว ฉันรักนายมัลฟอย" สาวน้อยตาสีน้ำตาลกลมโต พูดอุบอิบเหมือนกับอยากให้ตัวเองได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เขาหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อรู้ว่าเธอพูดจริง และพูดกับเขา เธอบอกรักเขา มันน่าขำสิ้นดี "เธอกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า เกรนเจอร์ เธอเดินชนกำแพงหรือว่าเธอโดนฮิปโปกริฟฟ์มันจิกหัวเอา ถึงได้มาบอกรักฉัน"

"ฉันชอบนายมันผิดด้วยเหรอ ฉันชอบนายไม่ได้เหรอ" เธอพูดขึ้นอย่างโมโห หน้าของเธอแดงกล่ำ ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะความอายหรือความโกรธกันแน่ตอนนี้ แต่เขาเองก็ยังไม่หยุดขำเรื่องที่เธอมาบอกรักเขา เธอกำมือแน่นด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่าตอนนี้ความโกรธของเธอทะลุขึ้นถึงขีดสุดแล้ว

"มัลฟอย นายจะหยุดหัวเราะได้มั้ย" เธอพูดพลางถลึงตาใส่เขา แต่เขาก็ยังไม่หยุดหัวเราะ ตอนนี้เขาหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลไปหมดแล้ว "โอเค ถ้านายยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ เราค่อยคุยกันทีหลัง" ว่าแล้วเธอก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในปราสาท ตัดสินใจปล่อยให้เค้ายืนยิ้มอยู่นอกปราสาทตามลำพัง

"เดี๋ยวสิ เกรนเจอร์" เขาหยุดหัวเราะ แล้วรีบวิ่งมาคว้าข้อมือของเธอไว้ "ฉันไม่หัวเราะแล้ว เธอว่ามาสิ" เขาพูดอย่างกลั้นหัวเราะไว้เต็มที่

"ฉันชอบนาย ฉันบอกนายเป็นครั้งที่ 3 แล้ว อย่าให้ฉันต้องพูดอีกได้ไหม" เธอพูดพลางพยายามแกะมือของเขาออก

"ฉันรู้แล้ว แล้วไงต่อ" เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม และทำเป็นไม่สนใจความพยายามที่จะแกะมือของเขาออกจากข้อมือของเธอ

"นายจะ.....จะ....." เธอก้มหน้ามองรองเท้า หน้าแดงกล่ำ เกิดอยากเป็นใบ้เอาเสียดื้อๆ

"จะอะไร พูดออกมาสิ ฉันไม่มีเวลาทั้งวันนะ" เขาพูดอย่างหงุดหงิด

"จะคบกับฉันได้ไหม" เธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วกลั้นหายใจฟังคำตอบ

เขายักไหล่ และยิ้มเหยียดมาที่เธอ "เลือดสีโคลนมาขอเลือดบริสุทธิ์อย่างฉันคบด้วย แค่นี้โลกยังกลับตาลปัตรไม่พออีกเหรอ ถ้าฉันคบกับเธอฟ้าไม่ถล่มลงมาเหรอ ไม่มีทางยัยเลือดสีโคลน ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เขาพูดจบก็เหวี่ยงข้อมือเธอที่เขาเกาะกุมไว้เมื่อนาทีที่แล้วอย่างไม่ปราณี แล้วก็เดินตรงลิ่วไปยังปราสาท

"ฉันไม่ยอมแพ้เหรอมัลฟอย" เสียงเธอตะโกนไล่หลังเขามา เขาชะงักชั่วเสี้ยววินาที ก่อนตัดสินใจเดินต่อไป

'นี่โลกมันอาเพศหรือไงเนี่ย' เขาคิดพลางเปิดประตูปราสาทเข้าไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลยที่วันนี้ทั้งสองจะสบตากันบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในชั่วโมงปรุงยา ระหว่างทางเดิน หรือว่าจะเป็นเวลาทานอาหาร เขาเองรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าเฮอร์ไมโอนี่มองเขาอยู่ และเวลาที่เขารู้สึกเช่นนี้ เขาก็จะมองไปทางเธอ และก็เห็นเธอมองอยู่จริงๆ ทุกครั้ง เป็นอย่างนี้ทุกวันจนเขารู้สึกประสาทเสีย 'เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย ทีแรกคิดว่าจะเอาไว้แกล้งพวกมันเสียหน่อย กลับกลายเป็นฉันที่หงุดหงิด เกิดอะไรขึ้นฟร่ะ' เขาคิดพลางกระแทกช้อนลงบนจานเสียงดัง จนเด็กบ้านสลิธิลินหันมามองเป็นตาเดียวกัน

"นายเป็นอะไรไปมัลฟอย" แครบถามด้วยเสียงหวั่นๆ แน่ละสิ หากว่าเค้าพูดอะไรไม่ถูกหูมัลฟอยในเวลาแบบนี้ คิดภาพไม่ออกเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา

"ไม่มีอะไร" มัลฟอยกระแทกเสียงตอบ

"แต่ว่า..............." แครบกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

"ฉันบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ" มัลฟอยตวาดเสียงดังทำให้คนทั้งห้องโถงหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน เขากวาดตามองทุกคนอย่างหงุดหงิดใจ แล้วตัดสินใจลุกขึ้นเดินปึงปังออกมาจากห้องโถง 'เกรนเจอร์ ยัยเลือดสีโคลนสมองกลับ ฉันจะต้องเอาคืนให้ได้ เธอทำให้ฉันเป็นอย่างนี้'
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คืนนี้ก็เป็นคืนที่มืดมิดอีกคืนหนึ่ง มีเพียงแสงดาวเท่านั้นที่เปร่งประกายอยู่บนฟากฟ้า ดูเหมือนว่าราตรีนี้พระจันทร์จะขอลาพักร้อน แอบไปเที่ยวอย่างสบายใจ ช่างแตกต่างกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ตรงระเบียงทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากคบเพลิงเท่านั้น เสียงฝีเท้าของเธอดังกึกก้องไปทั่วทั้งทางเดิน เธอก้าวเท้าช้าๆ แต่สม่ำเสมอ พลางถอนหายใจออกมาเป็นจังหวะ ตาเหม่อลอยไปอย่างไร้จุดหมาย เธอคิดถึงเหตุการณืเมื่อตอนบ่ายทำให้เธอทุกข์ใจยิ่งนัก

'ทำไมฉันต้องทำอะไรอย่างนั้นด้วยนะ' เธอคิดแล้วก็ถอนหายใจอีก แต่พอนึกภาพของมัลฟอยตอนที่หัวเราะเยาะเธอเธอก็อดที่จะโกรธไม่ได้ เธอกระแทกส้นเท้าและเร่งจังหวะการเดินอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเธอรู้สึกตัวก็กลับมาถอนหายใจและเดินช้าลงตามเดิม เธอเป็นเช่นนี้วนไปวนมาไม่รู้ต่อกี่ครั้ง หัวใจของเธอตอนนี้สับสนยิ่งนัก ในระหว่างที่เธอคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นก็มีมือมือหนึ่งดึงฉุดเธอเข้าไปในห้องเรียนเก่าๆ ห้องหนึ่ง

"ว้าย ใครน่ะ ช่วย........" เธอพูดได้แน่นั้น ก็มีมือมาปิดปากเธอไว้

"เบาๆ สิ เธออยากให้คนทั้งปราสาทตื่นหรือไง" เสียงเย็นๆ ของเขาดังขึ้น เธอรู้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร

"มัลฟอย" เธอร้องเรียกชื่อของเขาออกมา

"ใช่ฉันเอง" เขาเลื่อนมือของเขาที่อยู่ที่ข้อมือของเธอขึ้นมาตรงไหล่ของเธอ แล้วบีบไหล่เธอราวกับจะให้แหลกเป็นผุยผงไปเสียให้ได้

"ถ้าพรุ่งนี้เธอยังไม่หยุดจ้องหน้าฉันตลอดเวลา ฉันจะฆ่าเธอ" เขาพูดพลางจ้องมองไปที่ดวงตากลมโตของเธอ

"ปล่อย มัลฟอย ฉันเจ็บนะ" เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของเขา

"ไม่" เขาตวาดเสียงดัง "เธอต้องบอกมาก่อนว่าเธอจะไม่มองฉันอีก" เขาบับไหล่เธอแรงขึ้นเรื่อย เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

"ปล่อยฉันนะมัลฟอย" เธอพูดเสียงสั่นด้วยความกลัวอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาสีซีดของเขาตอนนี้บ่งบอกถึงความโกรธอย่างสุดขีด

"เธอต้องพูดว่าเธอจะไม่มองฉันอีก" เขาเขย่าตัวเธออย่างไม่ปรานี เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

"พูดสิ เกรนเจอร์ พูด" เขาตะโกนใส่หน้าเธอ

"ไม่" เธอตะโกนกลับไปด้วยเสียงที่ดังพอๆ กัน ดวงตาของเธอมีน้ำใสๆ คลออยู่ และพร้อมที่จะไหลรินลองมาบนแก้มได้ทุกเมื่อ  "ไม่มีทาง มัลฟอย"

แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรไปมากกว่านั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"เมี้ยว"

"คุณนายนอริส" เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า เธอกับเขามองหน้ากันเลิกลั่ก ใช่ ถึงเวลาที่ฟิลจะเดินตรวจแล้ว ถ้าโดนจับได้เขากับเธอจะต้องโดนกักบริเวณ หักคะแนนบ้าน และอะไรต่อมิอะไร แน่นอนว่าฟิลต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน การลงโทษนักเรียนคือขนมหวานสำหรับเขา

"ทางนี้มัลฟอย" เธอคว้าข้อมือของเขา แต่เค้าสะบัดมือเธอออกอย่างโมโห เธอมองหน้าเขาอย่างมีอารมณ์

"นายอย่างี่เง่าไปหน่อยเลย นายอยากให้เราโดนจับได้ทั้งสองคนเหรอ มาทางนี้" เธอพูดพลางดึงแขนเขามาอีกมุมหนึ่งของห้อง ครั้งนี้เขาไม่สะบัดมือเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าเธอพูดถูก ถ้าเขายังดึงดันต่อไปทั้งเขาและเธอจะต้องโดนจับได้แน่ๆ เธอลากเข้าไปที่ตู้เก่าๆตรงมุมห้อง

"เธอคงไม่ได้หมายความว่าจะให้ฉันเข้าไปเบียดกับเธอในตู้สับปะรังเคตู้นี้หรอกนะ" เธอพูดพลางทำหน้าตาเหยเก

"คำตอบคือใช่มัลฟอย แต่ถ้าเธออยากโดนกักบริเวณก็เชิญยืนเก็กอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ฉันจะเข้าไปคนเดียว" เธอมองหน้าเขาด้วยความโมโห แล้วเปิดตู้เข้า เขามองเธออยู่สักพักจึงเดินเข้าไปพลางทำหน้าเซ็งแบบสุดๆ

ตู้นี้แคบกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก พอเธอเข้าไปก็เหลือที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาต้องพยายามแทรกตัวเข้าไปในตู้อย่างยากลำบาก ในความเป็นจริงแล้วแค่ตัวเขาเองคนเดียวก็แทบจะเต็มตู้อยู่แล้ว แต่นี่มีเธอด้วยอีกคน แต่ก็ยังโชคดีที่เธอเองเป็นผู้หญิงที่ตัวไม่ใหญ่นัก ถ้าจะว่าไปอย่างไม่มีอคติเธอก็หุ่นดีทีเดียว ผมที่ยาวฟูถึงกลางหลังรับกับใบหน้ารูปไข่ และตากลมโตของเธอได้เป็นอย่างดี

"นี่นายอย่ายุกยิกได้มั้ย" เธอกระซิบเสียงขุ่น

"ก็มันอึดอัดนี่" เขาเบ้ปากตอบ

"นายก็รู้จักอดทนบ้างสิ" เธอเงยหน้าจ้องเขาอย่างไม่พอใจ

"ก็ได้" เขาพูดพลางเลื่อนมือของเขาโอบเอวเธอ

"นายจะทำอะไร" คราวนี้เป็นฝ่ายเฮอร์ไมโอนี่ที่ยุกยิกเพื่อจะที่ให้เขาปล่อยเอวเธอ

"เธออย่ายุกยิกได้ไม๊" เขากล่าวเสียงขุ่น

"แต่นาย"

"ฉันไม่ได้พิศวาสเธอนักหรอก แต่ว่าถ้าฉันไม่โอบเธอเอาไว้ฉันยืนไม่สะดวก ฉันก็กลัวโคลนจะมาติดฉันเหมือนกันแหละน่า" ก่อนที่เขากับเธอจะเถียงกันรุนแรงไปกว่านี้ก็มีเสียงดังขึ้น ราวกับเป็นสัญญาณให้ทั้งสองหยุดพูด(เถียง)กัน

"ยังมีเด็กนักเรียนที่ไม่เข้าหอนอนอยู่อีกเหรอ ที่รัก" เสียงฟิลดังขึ้น ทำให้หัวใจของเขาทั้งสองแทบจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอก เฮอร์ไมโอนี่และเดรโกมองหน้ากันอย่างไม่ตั้งใจ เขาโอบเอวเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าถ้าเขาโอบเอวเธอแน่นเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่จะโดนจับได้ก็จะยิ่งน้อยลง แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ฟิลกับคุณนายนอริสไม่ยอมออกไปจากบริเวณนั้นเสียที

'ไม่มีที่อื่นให้เดินตรวจหรือไงนะ' เขาคิด ตอนนี้เขาเริ่มผ่อนคลายบ้างแล้ว จะเรียกว่าเริ่มชินก็ว่าได้ แต่สาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานี่สิยังตื่นเต้นอยู่ไม่หาย เขาจ้องมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ 'ความจริงยัยเลือดสีโคลนนี่ก็สวยเหมือนกันนะ ปากนิด จมูกหน่อย รูปร่างก็ดีใช้ได้ ถ้าไม่ใช่เลือดสีโคลนก็น่าลองคบดูล่ะ' เขาเริ่มกระชับตัวเธอเข้ามาแนบกับตัวเขาอย่างตั้งใจ เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเธอและเขาใกล้กันจนเกินไปแล้ว เธอเงยหน้าจ้องมองเขา ตาสีน้ำตาลคู่สวยของเธอบ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่ดูเหมือนกับว่าสัญญาณดังกล่าวไม่ได้ส่งผ่านไปถึงเขาเลยแม้แต่น้อย เขายังคงกระชับตัวเธออยู่แน่เดิม เขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ มันช่างมีสเน่ห์ดึงดูดเขาอย่างบอกไม่ถูก และทันใดนั้นเองเขาก็ก้มลงประกบปากเธอ เธอลืมตาโพลงอย่างตกใจ เขาค่อยถอนริมฝีปากเธอ เธอมองเขาด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้เธออยากจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ หากการมองฆ่าคนได้ เขาคงตายไปแล้ว

"เธอชอบฉันไม่ใช่เหรอ" เขากระซิบเธอที่ข้างหูทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัว และก่อนที่เธอจะพูดอะไรเขาก็ก้มลงประกบปากเธออีกครั้ง และเขาเริ่มจูบเธอหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มือของเขาที่โอบเอวเธอเริ่มที่จะลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเธอ ในตอนนี้เธออยากจะฆ่าเขานัก แต่หากเธอผลักหรือว่าตะโกนออกมาเธอจะต้องถูกฟิลจับได้ แต่ต้องตอบคำถามว่าเธอมาทำอะไรในตู้แคบๆ กับเขา เธอไม่รู้ว่าระหว่างโดนฟิลจับได้กับสถานการณ์ในตอนนี้อะไรจะร้ายแรงกว่ากัน เธอไม่รู้เลยจริงๆ

"เกรนเจอร์" เขาพึมพำชื่อเธอเบาๆ หลังจากที่ถอนริมฝีปาก ตอนนี้เขาเริ่มที่จะจดริมฝีปากลงไปที่ซอกคอของเธอ เขาใช้มือข้างซ้ายโอบเอวเธอไว้ ส่วนมือข้างขวาค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของเธอช้าๆ ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้แล้วว่าถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่างเหตุการณ์มันจะต้องเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

"หยุดนะ มัลฟอย" เธอกระซิบเสียงเย็น พยายามที่จะขัดชืนการกระทำของเขา

"อย่ายุกยิกสิ เดี๋ยวภารโรงบ้านั่นจับได้" เขาเบาๆ ขณะที่เขาค่อยๆ ไล่ริมฝีปากของเขาขึ้นมาที่แก้มชมพูของเธอ ขณะนี้มือของเขาล้วงเข้าไปใต้เส้อของเธอแล้ว และเขาคงไม่หยุดการกระทำของเขาง่ายๆ หากว่าไม่มีน้ำใสๆ จากดวงตาคู่สวย เขาหยุดการกระทำของเขาทันที ที่หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มของเธอ

"แค่นี้ก็ร้องไห้" แม้คำพูดของเขาจะดูใจร้ายไปหน่อย แต่ว่าน้ำเสียงของเขาไม่ใช่เลย น้ำเสียงของเขาดูกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 'ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ฉันจูบเลือดสีโคลน และพยายามที่จะ........ฉันต้องบ้าตามยัยนี่ไปแล้วแน่ๆ'

"ฟิลคงไปแล้วล่ะ"  เขาพูดพลางแง้มประตูตู้อย่างระมัดระวัง "เกรนเจอร์ ฉัน"

ก่อนที่เขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เธอก็วิ่งออกไปจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

<<<back          1                        3              4               5               6         next>>>