pue's tales ; tales from pue
LUML
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
ตอนที่ 3

ต้นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ยืนทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีความหวัง ยืนทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้หญิงดีๆ เขาไม่ออกมาเดินเล่นยามค่ำคืนทุกคืนหรอก แต่ต้นเองก็ยังเทียวมาที่นี่ทุกคืน เขาไม่อยากจะยอมรับว่าหลงรักผู้หญิงที่เจอใต้เงาจันทร์คนนั้น แต่เขาเพียงแค่รู้สึกว่าเขาอยากจะเจอเธออีกสักครั้งก็ยังดี
 
"มาทำไมว่ะเนี่ยเรา" ต้นบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางเอามือถูไปมาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น เขาแหงนหน้ามองฟ้าที่ตอนนี้พระจันทร์เต็มดวงสุกสกาวอยู่กลางท้องฟ้าบดบังรัศมีของดาวดวงเล็กๆ ที่อยู่รอบๆ ไปหมด อย่างน้อยคืนนี้พระจันทร์ก็สวย ต้นคิดเพื่อปลอบใจตัวเอง
 
"นั่นสิค่ะ มาทำไมทุกคืนเลย" เสียงผู้หญิงคนนึงพูดขึ้น ทำให้ต้นหันไปมองด้วยความดีใจ ใช่ เขายอมรับว่าเขาดีใจ เขาจำเสียงใสๆ นี้ได้ดี เจ้าของเสียงใสๆ ที่เขาอยากจะเจออีกสักครั้งในชีวิต
 
"ผมนึกว่าคุณจะไม่มาอีกแล้ว" ต้นพูดขึ้นด้วยความดีใจ พลางยิ้มกว้าง เธอเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนยิ้มกลับไปอย่างอ่อนโยน
 
"คุณอย่าบอกนะว่าคุณมาที่นี่ทุกวัน เพราะมารอฉัน" คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกอยากตบปากตัวเองที่พูดอย่างนั้นออกไป แต่เมื่อพูดออกไปแล้วจะทำอะไรก็ไม่ได้ เขาก็ได้แต่เอามือลูบต้นคอเขินๆ เธออมยิ้มเล็กๆ ก่อนที่จะพูดออกมา "วันนี้พระจันทร์สวยนะค่ะ เหมาะกับการมาอาบแสงจันทร์"
 
"ครับ" ต้นตอบรับ เขาไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว "เอ๊ะแล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมมาที่นี่ทุกคืน" คำถามของเขาทำให้เธอหัวเราะร่วน
 
"อย่ารู้เลยค่ะว่าฉันรู้ได้ยังไง เอาเป็นว่าขอเก็บเอาไว้เป็นความลับ แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่สามารถมาที่นี่ทุกคืนได้เหมือนคุณแน่ๆ" ลันตอบไปยิ้มไป
 
"เคยมีใครบอกคุณหรือเปล่า ว่าคุณยิ้มแล้วทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกสบายใจ" เขาถามตรงๆ ทำให้เธอหน้าแดงขึ้น แม้ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืน แต่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะปิดริ้วรอยที่ปรากฏขึ้นบนหน้าได้หรือไม่ เธอจึงหันหน้าไปทางอื่น เพื่อไม่เขารับรู้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอ
 
"ขอบคุณค่ะ" เธอพูดขึ้นมาเบาๆ พลางก้มหน้างุด และแอบอมยิ้ม "ไม่เคยหรอกค่ะ ไม่เคยเลยจริงๆ" พอต้นเห็นเธอทำท่าทางอย่างนั้นก็แอบที่จะอมยิ้มกับท่าทีขวยเขินของเธอไม่ได้
"ชอบดูพระจันทร์เหรอค่ะ" ลันถามขึ้นแก้เก้อ พลางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแก้เก้อ ตอนนี้พระจันทร์เริ่มที่จะเดินทางไปอีกด้านหนึ่งของท้องฟ้า
 
"ไม่เชิงหรอกครับ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหงา ก็เลยอยากมีอะไรหรือใครเป็นเพื่อน" พอเขาพูดคำว่าใครเขาก็หันไปมองหน้าเธอ ที่มองพระจันทร์ การเน้นเสียงคำว่าใครของเขา ทำให้เธอหันมามองและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
 
"แสดงว่าฉันก็เป็นแค่คนแก้เหงาของคุณสิค่ะ" ลันพูดประชดประชัน แต่ไม่มีน้ำเสียงของการต่อว่าแม้แต่น้อย
 
"เปล่านะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" เขารีบพูดแก้ตัว แล้วเขาก็มองหน้าเธอที่มองเขาอย่างเค้นเอาความจริง "ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักทีเดียวหรอกครับ" เขาพูดเสียงอ่อย เพราะอันที่จริง เขาก็รู้สึกว่าเขารู้สึกว่าเขาก็ให้เธอเป็นเพื่อนแก้เหงาของเขาจริงๆ
"ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักคำ ฉันยินดีเป็นโอเอซิสให้คุณ ในยามที่คุณอยู่ในทะเลทรายค่ะ" เธอพูดพลางยิ้มให้เขา ทำให้เขามีสีหน้าโล่งอกที่เธอไม่ถือสาในความปากพล่อยของเขา
"คุณมีเรื่องไม่สบายใจเหรอค่ะ เล่าให้ฉันฟังได้หรือเปล่า" ลันถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ตอนนี้พวกเขาพากันมานั่งที่ม้านั่งแห่งหนึ่งริมน้ำ ต้นหันไปมองพื้นน้ำที่เป็นสีดำสนิท และเหม่อมองภาพสะท้อนของแสงไฟที่อยู่ริมน้ำ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหันกลับขึ้นไปมองพระจันทร์
 
"ความจริงก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมเพิ่งเลิกกับแฟน เลยเหมือนกับว่าชีวิตผมไม่เหลือใคร" เขาพูดสิ่งที่เขาเก็บเอาไว้มานาน เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรจะบอกความรู้สึกของเขาให้เธอฟังแบบหมดเปลือกหรือเปล่า

"คุณต้องรักเธอมากแน่ๆ เลย" ลันพูดพลางมองเขาด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย เธออยากจะช่วยแบ่งเบาความเหงาของเขาบ้าง แค่เพียงเศษเสี้ยวก็ยังดี เธอไม่อยากให้เขาเศร้า อันที่จริง เธอไม่อยากเห็นใครเศร้าเลยต่างหาก
 
"ก็ไม่เชิง" เขาตอบเสียงเรียบและเงียบไปสักครู่ใหญ่ๆ "ความจริงรักมาก ผมคิดที่จะแต่งงานกับเธอด้วยซ้ำไป" เขาตัดสินใจสารภาพออกไปในท้ายที่สุด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมว่าเขาอยากที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง เขาเล่าเรื่องของเขาให้เธอฟังทั้งหมด ตั้งแต่เขาสูญเสียพ่อแม่อันเป็นที่รัก หรือว่าเขาคบกับพิงค์ได้ยังไง เจอกันเมื่อไหร่ และสุดท้ายเลิกกันยังไงเธอรับฟังเขาอย่างเงียบๆ และมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน "ตอนนี้ผมก็เลยรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีใครรักผมอีกแล้ว ผมเหมือนยืนอยู่คนเดียวในโลกที่มืดมิด ว่างเปล่าและแห้งแล้ง" เขาสรุปในท้ายที่สุด พลางก้มหน้ามองพื้นด้วยความเศร้าสร้อย
 
"คุณเชื่อไหมค่ะว่าพระจันทร์มันมีมนต์อะไรบางอย่าง" เธอพูดขึ้น พลางแหงนหน้ามองฟ้า ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ
 
"ไม่รู้สิครับ" เขาพูด
 
"แต่ฉันเชื่อ เพราะอย่างน้อย ฉันก็เชื่อว่ามนต์ของมันทำให้เรามาพบกัน จริงไหมค่ะ" คำพูดของเธอทำให้เขายิ้มออกมาบางๆ นั่นนะสินะ คืนนั้น คืนที่พระจันทร์ทอแสงกระจ่างฟ้า เขามองแสงจันทร์อยู่ที่ห้องของเขา และคิดว่าอยากจะลงมาเดินเล่น คงเป็นมนต์ของพระจันทร์ที่ทำให้เรามาพบกัน
 
"เวลาฉันท้อใจ และรู้สึกเศร้า ฉันมักแหงนหน้ามองฟ้าในยามค่ำคืน เพราะอย่างน้อยฉันก็ได้เห็นพระจันทร์และดวงดาว มันทำให้ฉันรู้ว่าแม้แต่ยามที่มืดมิด ฟ้าก็ยังส่งดวงดาวและดวงจันทร์มาเป็นเพื่อน คุณไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกค่ะ คนที่รักคุณมีอีกมาก ของอย่างนี้ต้องใช้ใจสัมผัสถึงจะรู้" เธอพูดโดยที่ไม่หันมามองหน้าเขาเลย ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองอยู่นานก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้น "ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ" คำพูดของเธอทำให้เขาทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
"อยู่ต่ออีกนิดไม่ได้เหรอครับ" เขาอ้อนวอน อย่างน้อยตอนนี้เธอก็เป็นดวงดาว เป็นพระจันทร์ของเขา ในคืนวันอันมืดมิดและอ้างว้าง "ถ้าไม่ได้ ขอเบอร์คุณหน่อยได้ไหม แล้วคุณจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่"
 
"ถามเป็นชุดเชียว" เธอหัวเราะขึ้น ทำให้เขาอมยิ้มบางๆ "เอาเบอร์คุณมาดีกว่าค่ะ ฉันบอกไม่ได้หรอกค่ะว่าวันไหนจะมาได้บ้าง แต่ถ้าฉันมาได้ ฉันจะโทรหาคุณ ตกลงไหมค่ะ"
 
"ครับ" เขาตอบรับ แต่เขาก็หวั่นๆ ว่านั่นเป็นการปฏิเสธมิตรภาพที่สุภาพของเธอหรือเปล่า เพราะการที่เธอไม่ยอมให้เบอร์เขา นั่นหมายความว่าเธอเองยังไม่ไว้วางใจเขาเท่าไรนัก "ให้ผมไปส่งนะครับ" ต้นพูดขึ้น เมื่อเห็นเธอขยับจะเดินจากไป
 
"อย่าดีกว่าค่ะ มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่" เธอยิ้มน้อยๆ "แล้วฉันจะโทรหาค่ะ" คำพูดประโยคหลังของเธอทำให้เขาใจเต้นขึ้นมาทันที เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแค่คำพูดง่ายๆ เพียงประโยคเดียวจะทำให้เขารู้สึกดีได้ถึงขนาดนี้ เขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเขายิ้มหน้าบานแค่ไหน เขาไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ
 
"ผมจะรอ" นี่เป็นอีกครั้งที่เขาไม่รู้ว่าเขาพูดอย่างนั้นออกไปได้ยังไง แต่ที่เขารู้แน่ๆ ก็คือ เขาคงจะต้องตั้งหน้าตั้งตารอโทรศัพท์จากเธออย่างที่ปากเขาว่าอย่างแน่นอน.........
 
*******************************************************************************************
 
<<<back           1             2              3              4              next>>>