pue's tales ; tales from pue
love under moonlight2
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
ตอนที่ 2

วันรุ่งขึ้นเขาเดินทางไปทำงานด้วยความมึนงง เนื่องจากนอนไม่พอ เพราะกว่าเขาจะกลับไปที่ห้องก็เกือบตี 2 แล้ว กว่าจะหลับได้ก็เกือบตี 3 ทำให้เขารู้สึกเพลียเป็นอย่างมาก ขอบตาคล้ำ ใหน้าเหมือนึนอดนอนมาเป็นอาทิตย์
 
"ไงต้น โทรมเชียวว่ะ" เสียงรุ่นพี่ที่ทำงานทักเขาอย่างอารมณ์ดี ต้นไม่พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มบางๆ กลับไปเท่านั้น แล้วก็นั่งทำงานต่อไป แต่เขาเองก็นั่งทำงานอยู่ได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้าเกินที่จะทำอะไรได้ต่อไป สองสามวันมานี้เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ น่าแปลกเหลือเกินคนอย่างเขาจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ คนอย่างเขาที่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก
 
***
 
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดของเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ต้นรู้ผลเอ็นทรานซ์ และตื่นเต้นดีใจอยู่นานกับการเอ็นติดของเขา ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น แต่พ่อแม่ของเขาก็พลอยปลื้มปิติไปด้วย พ่อกับแม่ของเขาลูบหัวเขาและชมเขาไม่ขาดปาก เขาไม่เคยรู้สึกดีอะไรอย่างนี้มาก่อน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็ต้องเสียน้ำตามากมาย
 
"ฮัลโหลต้นเหรอลูก" เสียงอาชัยเพื่อนที่ทำงานของพ่อพูดขึ้น ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย แม้ว่าเขากับอาชัยจะสนิทสนมชิดเชื้อกันแค่ไหน อาชัยก็ไม่เคยที่จะโทรหาเขาแม้แต่ครั้งเดียว "เดี๋ยวอาไปรับที่บ้านนะ ทำใจดีๆ เอาไว้" ในน้ำเสียงของอาชัยมีความโศกเศร้าที่ปกปิดไม่มิด ทำให้ต้นใจหายวาบ ถ้าเขาจำไม่ผิด พ่อกับแม่ของเขาไปเที่ยวกาญจน์กับบริษัท และอาชัยก็ไปด้วย หรือว่านี่จะเกิดอะไรกับพ่อแม่ของเขา
 
"มีอะไรเหรอครับ" ต้นพูดขึ้นด้วยความกังวลใจ
 
"ต้นทำใจดีๆ นะ พ่อกับแม่ของต้นเกิดอุบัติเหตุ มีรถกะบะคันนึงเล่นสวนมา และชนกับรถของพ่อต้น ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลที่กาญจน์" สิ้นเสียงอาชัย ต้นมือสั่นจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตของผุ้คนมากมาย และเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเมื่อเราประมาท
 
"แล้วพ่อกับแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ" ต้นกรอกเสียงลงไป เขารู้สึกว่ามีก้อนอะไรมาขวางอยู่ที่คอของเขา เขารู้สึกคอแห้งผาก ราวกับอยู่ในทะเลสาบที่ไม่มีน้ำสักหยด
"ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัด เดี๋ยวอาจะไปรับที่บ้านนะ" อาชัยพูดขึ้น
 
"ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมเรียกรถไปเองจะเร็วกว่า อยู่โรงพยาบาลไหนครับ" แม้ว่าต้นเองจะตื่นตระหนกแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาก็กล้ำกลืนความตกใจนั้นเอาไว้ข้างใน เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาตื่นตกใจ และเวลานี้เขาต้องไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เขาวางสายจากอาชัย และรีบไปหยิบกระเป๋าเงิน และปิดบ้านไปเรียกรถแท็กซี่ในทันที ที่แรกนั้นแท็กซี่คันที่เขาเรียกจะไม่ยอมไปกับเขา แต่เขาก็ขอร้องและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จนแท็กซี่คันนั้นใจอ่อนยอมไปส่งเขา แถมยังหาเส้นทางที่เร็วที่สุดเท่าที่จะไปได้ให้เขาอีกด้วย
 
"ไม่ต้องห่วงนะหนู หมอสมัยนี้เขาเก่งพ่อของหนูคงไม่เป็นอะไรมาก" คุณลุงคนขับแท็กซี่กล่าวอย่างใจดี ต้นเพียงยิ้มบางๆ ให้เขา พลางนึกภาวนาในใจให้เป็นไปตามที่ลุงคนนี้บอก แต่อะไรๆ ก็กลับไม่เป็นอย่างที่คนเราคิดไว้เสมอ พอเขามาถึงโรงพยาบาลเขาก็พบว่าพ่อกับแม่ของเขาสิ้นลมไปเสียแล้ว อาชัยบอกกับเขาทีหลังว่า ความจริงแม่ของเขาเสียตั้งแต่ก่อนพามาโรงพยาบาลแล้ว แต่ที่ไม่บอกเพราะกลัวต้นจะทำใจไม่ได้ ส่วนพ่อของเขาก็เสียชีวิตในห้องผ่าตัดอีก 2 ชั่โมงต่อมา ความรู้สึกของต้นในตอนนั้นเหมือนโลกทั้งโลกพังงทลายลงกับตา ชีวิตที่เคยอยู่อย่างเป็นสุขพังไม่เหลือดี เขาทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างไม่อายใคร ตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้วทั้งนั้น ไม่เหลือจริงๆ
 
หลังจากงานศพพ่อ ต้นก็ขอร้องให้อาชัยเป็นธุระเรื่องการขายบ้านหลังที่เขาเคยอยู่กันสามคน ทีแรกอาชัยทัดทานไม่ให้ขาย แต่ต้นเองก็ให้เหตุผลว่าบ้านมันกว้างเกินไปสำหรับที่จะอยู่คนเดียว แล้วต้นก็ซื้อห้องเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองอยู่ เขาเลือกที่จะอยู่แถบนี้เพราะไปมาสะดวก และไม่แออัดจนเกินไป มิหนำซ้ำยังใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ด้วย เงินที่พ่อแม่ของเขาทิ้งเอาไว้ให้บวกกับเงินที่ได้จากการขายบ้าน ไม่ได้ทำให้การเรียนหรือชีวิตของต้นสะดุดไปแม้แต่น้อย แต่ต้นเองก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินและจับจ่ายซื้อของ เขามักจะคิดเสมอว่าถ้าแม่ของเขาอยู่และเขาจะซื้อของอันนี้แม่จะพูดว่าอะไร และเขาก็จะเชื่อคำพูดแม่ตลอด จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่ผิดกับเด็กรุ่นเดียวกัน และเขาก็สามารถอยู่คนเดียวได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเหงาบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยที่จะร้องไห้ เพราะเขารู้ว่าเขาต้องเข้มแข็ง เพราะถ้าเขาเอาแต่ร้องไห้ และสิ้นหวัง ชีวิตที่เหลือต่อไปนี้ก็คงไม่มีอะไรเหลืออีกต่อไป
 
****
 
"ต้นเหม่ออะไรว่ะ ไปกินข้าวได้แล้ว อ๋อ คิดถึงแฟนสาวสวยอยู่น่ะสิ" เสียงโป้เพื่อนที่ทำงานของเขาพูดขึ้น เขายิ้มบางๆ ให้เพื่อน พลางคิดถึงผู้หญิงที่เพื่อนของเขาพูดถึง ผู้หญิงคนที่ทิ้งเขาไปเมื่อสองสามวันที่แล้ว
 
"ไม่มีให้คิดถึงแล้วว่ะ เลิกกันแล้ว" ต้นพูดขึ้นขำๆ แต่ในใจของเขาไม่ขำอย่างท่าทางที่เขาแสดงออกแม้แต่น้อย ความจริงเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมความรักที่ไม่สมหวังถึงได้กัดกินหัวใจของเขาได้ถึงขนาดนี้ สมัยมัธยมเขาเคยมีความรักกับเพื่อร่วมชั้นหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยจริงจัง ไม่เหมือนกับพิงค์ ผู้หญิงที่เขาคบมานานกว่า 2 ปี เขาพบกับพิงค์ตอนที่ไปสัมมนากับบริษัท พิงค์เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่เขาไปจัดสัมมนา พิงค์เป็นผู้หญิงที่สวยน่ารัก อ่อนหวาน และช่างจำนรรจา ปากสีชมพูระเรื้อแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ในสถานการ์ที่เลวร้าย  ต้นรู้สึกชื่นชมพิงค์ในใจมาตลอด เขารู้สึกว่าพิงค์นี่แหละ คือผู้หญิงที่เขาอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิต เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาอยากที่จะแต่งงานด้วย วินาทีแรกที่เขาคิดอย่างนี้ เขาก็เริ่มมุทำงานเก็บเก็บเงินมากยิ่งขึ้น จะได้มีเงินไปขอเธอ เขาคาดว่าอย่างช้าก็ 4-5 ปี แต่เขาไม่อยากให้มันนานกว่านี้เลยให้ตายสิ ช่วงเวลาที่เขาได้คบกับพิงค์เขารู้สึกความอ้างว้างของเขาได้มลายหายไปสิ้น คำว่าครอบครัวที่เขาร้างราไปนาน เริ่มปรากฏชัดขึ้น เมื่อเขาอยู่กับเธอ แต่ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว
 
***
 
"พิงค์รู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับพี่ต้น พี่ต้นต้องการอะไรจากพิงค์มากเกินไป" นี่คือเหตุผลที่เธอบอกเลิกเขา เขาย่นคิ้วด้วยความไม่พอใจ
 
"พี่ไม่เข้าใจ พี่ก็แค่....." ต้นมองเธอด้วยสายตาที่อ้อนวอน
 
"พิงค์ไม่ใช่พ่อแม่พี่ต้น พิงค์แทนท่านไม่ได้ พี่ต้นเข้าใจไหม พิงค์ต้องการอิสระ พิงค์ไม่ใช่คนๆ นั้นของพี่ต้น" พิงค์พูดจบก็หันหน้าไปทางอื่น ทำให้ต้นมองหน้าเธอด้วยความไม่เข้าใจ "พิงค์อึดอัดจริงๆ เวลาอยู่กับพี่ต้นพิงค์รู้สึกต้องแบกรับความเหงาของพี่ต้นเอาไว้ พิงค์เองต้องการเวลาที่เป็นอิสระ ไม่ใช่อย่างนี้ พิงค์ไปเที่ยวกับเพื่อนก็ไม่ได้ คุยกับผู้ชายพี่ต้นก็โกรธ พิงค์บอกตรงๆ ว่าพิงค์เหนื่อย"
 
"พิงค์ พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่อยากให้ใครแย่งพิงค์ไป พี่อยากอยู่กับพิงค์ตลอดเวลา ก็เท่านั้นเอง" ต้นพูดพลางจับมือพิงค์เบาๆ แต่เธอก็สะบัดมือออกอย่างแรง
 
"พิงค์ไม่ใช่สิ่งของนะค่ะ พิงค์มีชีวิต มีจิตใจ ขอร้องล่ะ พี่ต้นอย่ามายุ่งกับพิงค์อีกเลย" หลังจากพิงค์พูดจบ เธอก็เดินลิ่วๆ จากไป ทิ้งให้ต้นนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขาไม่เข้าใจ และไม่มีทางเข้าใจเลยว่าเขาทำอะไรผิดไป หรือว่าความผิดของเขาคือการรักเธอมากเกินไป หลังจากวันนั้นเขาก็พยายามที่จะโทรหาเธอเป็นล้านๆ รอบแล้วได้มั้ง แต่เธอก็ไม่รับโทรศัพท์เขาแม้แต่ครั้งเดียว แถมส่งข้อความกลับมาว่าให้เลิกยุ่งกับเธอเสียที เขาก็ได้แต่นั่งทอดถอนใจด้วยความเหนื่อยล้า หลายปีมาแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกเหงาเช่นนี้มาก่อน เขานอนหลับ กินอะไรไม่ลง อาการเขาดีขึ้นมาหน่อยก็ตอนที่เขาได้เจอกับผู้หญิงปริศนาใต้เงาจันทร์เมื่อคืน ผู้หญิงที่มอบเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้มให้กับเขา แววตาและรอยยิ้มของเธอทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด น่าแปลกเหลือเกินที่เขาไม่เคยรู้สึกกับใครเช่นนี้มาก่อน หรือว่านี่จะเป็นอิทธิพลของดวงจันทร์ที่ก่อให้เกิดความมหัศจรรย์ และมีมนต์ในตัวของมันเอง...........
 
******************************************************************************************
 
<<<back           1              2             3                4              next>>>