pue's tales ; tales from pue
The Simple Love Story
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
 ตอนที่ 1 แรกพบ


เรื่องของผมนะเหรอ ถ้าให้เริ่มเล่า ก็คงต้องเริ่มต้นเล่าตั้งแต่วันนี้ละมั้ง วันที่ประกาศผลเอ็นทรานซ์
 
จะว่าไปแล้ว ชีวิตผมก็มีเรื่องตื่นเต้น และเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตอยู่ไม่กี่เรื่อง อาจเป็นไปได้ว่าผมเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ดี มีพ่อแม่และน้องสาวที่น่ารักของผม ชีวิตผมแทบจะไม่ต้องดิ้นรนอะไรให้มันมากมาย ผมมีข้าวกิน มีเงินเที่ยวกับเพื่อน สนุกสนานไปวันๆ บางทีก็แอบทำตัวเกเรโดดเรียนโดยที่ไม่ให้พ่อแม่รู้ แต่เวลาที่โดนจับได้ พ่อก็จะบอกกับแม่ทุกทีว่า "ก็ผู้ชายนี่นะ จะให้เดินตามกรอบตลอดเวลาได้ยังไง" เวลาพ่อพูดคำนี้ทีไรทำให้ผมอมยิ้มทุกที เพราะนั่นหมายความว่าผมรอดแล้ว
 
จุดเปลี่ยนจุดหนึ่งที่ผมจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตผมเริ่มก้าวย่างจากเด็กวัยรุ่นที่คึกคะนองไปวันๆ เป็นเด็กวัยรุ่นที่เตรียมก้าวย่างสู่การเป็นผู้ใหญ่ต่อไปในอนาคต ก็คือ การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ผมยอมรับเลยว่าช่วงเวลาที่ผมต้องเตรียมตัวสอบเอ็นฯ นั้น เป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิตเลยล่ะ ผมต้องอดใจไม่เล่นเกมเพลย์ที่ยัยน้องสาวตัวแสบของผมนั่งเล่นยั่วอยู่ทุกวัน
 
"ทางซ้ายสิคิ นี่ๆ ต้องกดปุ่มเอ็กซ์ก่อนแล้วค่อยกดโอ" เสียงผมกำกับแม่น้องสาวตัวดีที่กำลังนั่งเล่นเกม ทนไม่ไหวเข้าผมก็เดินเข้าไปใกล้ๆ จับมือน้องให้กดตามที่ผมบอก
 
"เคน" เสียงแม่ผมดุขึ้นมา ทำให้ผมสะดุ้ง ก็ใช่สิครับ แม่ผมนะเวลาโกรธเหมือนคนอื่นซะที่ไหน น่ากลัวเป็นบ้า ผมพยายามหลบสายตาดุๆ ของแม่ และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ แต่ช่วงเวลาที่แสนหฤโหดก็ผ่านไปแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงนี้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ที่ประกาศผลเอ็นทรานซ์
 
ไม่รู้ว่าผมบ้าหรือเปล่า ที่ไม่ยอมเปิดซองที่ทางทบวงส่งมาให้ หรือแม้แต่เช็คผลเอ็นฯ ทางอินเตอร์เน็ต แต่ในความรู้สึกผมผมอยากลุ้นที่นี่มากกว่า ผมมองกระดาษสีขาวๆ ที่แปะอยู่บนบอร์ดไม้ ที่ตั้งเรียงรายรอบๆ สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นสระน้ำขนาดย่อม ผู้คนมากมายยืนอยู่หน้าบอร์ดส่งเสียงอื้ออึง เสียงบูมดังสนั่นไปหมด หลายคณะหลายมหาวิทยาลัย จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าจะให้บรรยายความรู้สึกผมตอนนี้ก็คงเหมือนกันอลิซที่ยืนอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ หรือหนูน้อยโดโรธีที่อยู่ในบ้านที่ลอยคว้างอยู่กลางพายุ โดยที่ไม่รู้ว่าจะไปตกอยู่ที่ใด มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ครับ
 
ผมยอมรับตรงๆ เลยว่าผมกลัว ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครับ เอ็นไม่ติดก็ช่างมัน แต่พ่อกับแม่นี่สิ ท่าทางจะตั้งความหวังเอาไว้มาก เป็นเรื่องธรรมดาแหละครับ ลูกชายคนโต ที่ผ่านมาผมเองก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจความหวังของพ่อกับแม่ แต่ให้ตายเถอะครับ ผมรู้สึกว่าผมแบกมันไว้บนบ่าตลอดเวลา จนทำให้ผมล้า ผมมาที่เกษตรพร้อมกับเพื่อนอีกคนมันรู้แล้วว่ามันติด หน้ามันนี่ยิ้มแป้นเชียว น่าหมั่นไส้ชะมัด ไอ้ผมนี่สิ ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ กลัวว่าจะไม่ติดอยู่ ส่วนเพื่อนสนิทผมอีกคน มันรู้ตัวแล้วล่ะครับว่ามันไม่ติด มันเลยขอตัวไม่มาที่นี่ มันบอกว่ามันทำใจไม่ได้ และผมเองก็เข้าใจ
 
"ไอ้เคน จะเริ่มจากตรงไหน อันดับ 1 2 3 4 บอกมา" เสียงไอ้บีเพื่อนผมที่รู้ว่าตัวเองติดแล้วถามขึ้น
 
"ไม่รู้ว่ะ แต่บี มึงไปที่คณะเหอะ กูดูเองได้ อยากลุ้นคนเดียวว่ะ เสร็จแล้วก็โทรมาละกัน"
"เออ ก็ได้ แล้วเจอกัน" หลังจากที่บีลับจากสายตาไปแล้ว ผมก็เดินไปที่คณะแรกที่ผมเลือก ผมไล่นิ้วเรื่อยๆ ลงมา ตามตัวอักษรสีจางๆ บนแผ่นกระดาษบางๆ ผมรู้สึกว่าตอนนี้บรรยากาศรอบๆ ตัวผมเงียบสนิท ไม่มีเสียงใดเข้ามาทำลายสมาธิของการหาชื่อตัวเองบนบอร์ดของผมได้ ผมหาชื่ออยู่ตรงนั้นอยู่ 2 รอบ แต่ก็ไม่มีชื่อผมอยู่เลย ใจผมหายวูบ ผมอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ แต่ไม่มีก็คือไม่มี ผมเดินออกจากซุ้มตรงนั้น โดยที่มีรุ่นพี่คนนึงตบไหล่ผมเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ
 
ก่อนจะดำเนินเรื่องต่อไป ผมขอถามอะไรคุณอย่างนึงสิ คุณเคยหวังอะไรมากๆ แล้วไม่ได้ไหม แล้วคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมเริ่มกลัว ถ้าผมเกิดไม่ติดขึ้นมาล่ะ พ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน และสิ่งหนึ่งที่ผมอดที่จะยอมรับไม่ได้ตอนนี้ก็คือ ผมหวัง ผมอยากเอ็นติด ไม่แปลกใช่ไหมครับ ผมถอนหายใจแรงๆ อีกหนึ่งที ก่อนที่จะเดินไปที่คณะอันดับ 2 และ 3 ที่ผมเลือก แต่ยังไงมันก็ยังไม่มีชื่อผมอยู่ดี ผมเริ่มหงุดหงิด เริ่มรำคาญคนที่มาเสนอให้ผมซื้อสมุดแลคเชอร์ ทำให้ผมคิดว่า ถ้าผมเอ็นไม่ติดผมจะซื้อไปทำไม  ผมยืนทำใจอยู่สักพักนึง ก่อนที่จะเดินไปที่บอร์ดคณะอันดับ 4 ที่ผมเลือก
 
ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบอร์ดแล้ว แต่ผมยังไม่กล้าหาชื่อผมสักที เพราะถ้ามันไม่มีล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ผมปฏิเสธรุ่นพี่ที่ยืนอยู่บนบอร์ดอย่างสุภาพว่าผมอยากลุ้นเอง แทนที่จะให้รุ่นพี่ช่วยหา ทำให้รุ่นพี่กลุ่มนั้นหันไปช่วยบูมรุ่นน้องอีกคณะที่อยู่ใกล้ๆ กัน 'ทีนี่ก็เริ่มหาได้แล้วนะ' ผมคิดในใจ พลางใช้นิ้วไล่ดูรายชื่อ โดยที่ไม่สังเกตผู้หญิงคนนึงที่มายืนอยู่ข้างๆ ผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
 
"ติดคณะนี้เหมือนกันเหรอ" เธอถามพลางยิ้มหวานให้ผม
 
"ไม่รู้สิ ยังไม่ได้ดูเลย" ผมตอบพลางส่งยิ้มแห้งๆ ให้นิดหน่อย พอเป็นสัญญาณว่า อย่าเพิ่งมายุ่งกับผม แต่ให้ตายสิ ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจสัญญาณที่ส่งไปเลย
 
"ชื่ออะไรล่ะ เดี๋ยวช่วยหา" เธอถาม "ชื่อฉันอยู่ตรงนี้ นายชื่ออะไร" เธอพูดพลางชี้นิ้วไปที่ตัวหนังสืออย่างร่าเริง
 
"ไม่เป็นไร ดูแล้วไม่มีชื่อฉัน ขอบคุณ" ผมพูดเศร้าๆ เมื่อผมดูรายชื่อจนหมด "และนี่ก็เป็นอันดับสุดท้ายที่ฉันเลือกแล้วด้วย" ผมพูดอย่างอ่อนแรง
 
"เดี๋ยวสิ นายชื่ออะไร ไม่ลองหาอีกรอบเหรอ ฉันนัต ยินดีที่ได้รู้จัก"
 
"ฉันเคน ไม่ต้องหาหรอก ถึงยังไงก็ไม่มี ขอบคุณอีกทีแล้วก็ยินดีด้วย" ผมพูดแล้วกำลังจะก้าวเท้าออกไป
 
"นายชื่ออนุชิต ปิติวงศ์ใช่ไหม" เสียงของเธอดังขึ้นขณะที่ผมหันหลังไปแล้ว
 
"ใช่" ผมหันหน้ากลับมาอย่าสงสัยว่าเธอรู้ชื่อจริงและนามสกุลผมได้ยังไง และดูเหมือนเธอก็รู้ว่าผมสงสัยว่าเธอรู้ได้ยังไง เธอจึงชี้ไปที่สมุดของผมที่มีชื่อผมเขียนอยู่
 
"ถ้าใช่ ชื่อนายอยู่ตรงนี้ ข้างๆ ฉันเลย" ผมตาโต
 
"ไม่จริง ก็เมื่อกี้หาแล้วไม่เจอ" ผมพูดอย่างไม่เชื่อ แต่นี่มันชื่อผมจริงๆ
 
"ตาเซ่อ นายลืมหาแผ่นนี้ละสิ ฉันอุตส่าห์บอกแล้วว่าชื่อฉันอยู่ตรงนี้ ฉันรู้ตั้งแต่ก่อนทักนายแล้วล่ะว่านายติด" เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ให้มัน ทำให้ผมยิ้มด้วยความดีใจ
 
"ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ" ผมพูดขอบใจเธอ ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี เพราะถ้าเธอไม่เรียกผมไว้ ผมอาจจะกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจและผิดหวังเอาไว้ไม่อยู่
 
"นายควรจะขอบใจตัวเองนะ ตาเซ่อ" แล้วเธอก็หัวเราะผม แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมโกรธแต่อย่างใด "เพราะนายเป็นคนทำข้อสอบ ไม่ใช่ฉัน"
 
"อ้าว น้องทั้งสองเจอชื่อกันแล้วใช่ไหม งั้นพวกเราบูม" แล้วพี่ๆ ที่คณะของผมก็มาบูมให้ผมกับนัต ตอนนี้ผมอยากจะกระโดดให้ไปถึงฟ้าเลย ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นต้นก็มีครั้งนี้แหละที่ผมดีใจสุดๆ แม้ว่ามันจะไม่ใช่คณะแรกที่ผมเลือก แต่ผมก็ดีใจ ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนคนแรกในคณะของผมหนึ่งที ก่อนที่เธอจะยิ้มเจ้าเล่ห์ๆ กลับมา ขอบคุณจริงๆ นะ เพื่อนคนแรกในรั้วมหาวิทยาลัย ผมคิดในใจไม่ได้พูดออกไป เพราะผมเองก็คงไม่อยากโดนว่า ว่าเป็นตาเซ่ออีกหรอก
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
 
<<<back to index          1              2              3               4                                next>>>