pue's tales ; tales from pue
The Simple Love Story (Friendship) chapter 4
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
 ตอนที่ 4 ความรัก ความลับ

 
โชคดีที่อาการของส้มไม่หนักหนา อาจจะเป็นเพราะงูที่กัดเป็นงูเขียวธรรมดา ไม่ใช่งูเขียวหางไหม้ ส้มอยู่โรงพยาบาลอยู่ 1 อาทิตย์ก็ออกมาวิ่งปร๋อแล้ว ที่ผมอดขำไม่ได้ก็คือ นัต ที่พยายามขอโทษขอโพยส้มเป็นร้อยๆ รอบ ส้มบอกพอแล้วก็ยังไม่หยุด และหาโอกาสพูดขอโทษทุกครั้งที่เจอส้ม จนส้มยื่นคำขาดว่าถ้านัตยังขอโทษอยู่อย่างนี้จะไม่คุยด้วย ทำให้นัตต้องเลิกขอโทษไปโดยปริยาย นอกจากคำขอโทษแล้ว นัตยังเอาใจส้มจนออกนอกหน้า ไม่ว่าจะเป็นถือของ ซื้อข้าวให้ เรียกได้ว่าส้มแทบจะไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไรเลย ส่วนเก่งกับเฮงก็ทำตัวเป็นสององครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง คอยเดินขนาบข้าง ผมคิดว่าเก่งกับเฮงคงนึกสนุกมากกว่ารู้สึกผิด ตอนนี้ทั้งสี่คนก็เหมือน เจ้าหญิง องครักษ์ และนางกำนัล ขำชะมัด แต่สภาพอย่างนี้ก็อยู่ไม่นานหรอกครับ สักอาทิตย์นึงส้มก็บอกให้นัตเลิกทำแบบนี้ แม้ว่านัตจะไม่เห็นด้วย แต่เธอก็ยอม เวลาผ่านไปจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน นัตก็ทำตัวทะเล้นเหมือนเดิม
 
"นัต มีเรื่องจะปรึกษา" ผมพูดกับนัตเบาๆ ขณะที่เพื่อนๆ กำลังนั่งร้องเพลงเล่นกีตาร์ร้องเพลงกันอยู่ที่ริมบ่อตรงหอพัก
 
"อะไรเหรอ เคนว่ามาสิ" นัตพูดขึ้น พลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย
 
"เฮ้ย เดี๋ยวฉันกับนัตไปเซเว่นไปหาอะไรกิน เอาไรไหมว่ะ" ผมถามเพื่อนๆ
 
"ไปด้วยๆ" เฌพูดขึ้นทำผมนึกด่ามันในใจ
 
"ไม่ต้อง จะไปหลายคนทำไมว่ะ" ผมพูดขึ้น
 
"ก็อยากไปดูด้วยตัวเองนี่" เฌพูดอย่างรำคาญๆ
 
"นึกๆ เอาก็ได้ เดี๋ยวจะขี่จักรยานไป ใช่ๆ จะไปขี่จักรยานไปหาปิ๊กด้วย" ผมพูดถึงเพื่อนของผมคนนึงที่เรียนมาด้วยกันที่โรงเรียนเก่า และกำลังเรียนสถาปัตย์อยู่ที่นี่
 
"แกจะพานัตไปหาปิ๊กด้วยกันเนี่ยนะ" เฮงพูดขึ้นอย่างสงสัย
 
"พอดีลูกพี่ลูกน้องฉันอยากเรียนสถาปัตย์ เลยขอข้อมูลจากปิ๊กนิดหน่อย เดี๋ยวมา พวกแกก็จะถามให้มากเรื่องทำไม" นัตพูดขึ้น ทำให้ผมโล่งอก อย่างน้อยนัตก็โกหกได้เก่งกว่าผม "ไปเร็วเคน เดี๋ยวปิ๊กรอ" ผมไม่รอช้า รีบลุกขึ้นตามนัต ไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ซักถามอะไรได้อีก
 
"เอ้ามีอะไรว่ามา" นัตถามผมขึ้น หลังจากผมขี่จักรยานมาจอดริมถนนของหออีกโซนนึง
 
"เอ่อ นัตเคยจีบผู้หญิงหรือเปล่า" ผมถามนัตออกไป
 
"เฮ้ย ฉันเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์นะเว้ย" นัตโวยวาย ทำให้ผมอดที่จะขำไม่ได้
 
"พูดผิดๆ นัตเคยวางแผนจีบใครบ้างหรือเปล่า" ผมถามขึ้น
 
"แกคิดยังไง ถึงได้ถามฉันแบบนี้ ไม่เคยโว้ย ระดับฉันมีแต่คนมาจีบ" นัตพูดอย่างหัวเสีย ซึ่งผมดูแล้วอดที่จะขำไม่ได้
 
"โอ๋ๆๆๆ ไม่ได้ว่าอะไรนี่" ผมพูดขำๆ พลางตีหัวนัตเบาๆ
 
"เจ็บนะ" นัตพูดเสียงเขียว พลางหันหน้าไปทางอื่น เพิ่งเคยเห็นไอ้นัตงอนก็คราวนี้
 
"ตีเบาๆ เจ็บได้ไงว่ะ แกงอนแล้วน่าเกลียด อย่าทำเลย" ผมพูดยิ้มๆ ทำให้นัตมองมาตาเขียวปั๊ด ไม่รู้ผมเป็นโรคจิตซาดิสต์หรือเปล่า ถึงชอบเวลานัตโมโหแบบนี้
 
"เรื่องที่จะปรึกษามีแค่นี้เหรอ ถ้ามีแค่นี้ก็กลับ" นัตพูดพลางลุกขึ้น
 
"เดี๋ยวดิ" ผมฉุดมือนัตให้นั่งลง "เออๆ พูดแล้ว แกจำกิ๊บได้เปล่า เด็กบัญชีที่เล่นแรลลี่คู่กับฉันน่ะ" ผมเริ่มเรื่องราวอย่างเขินๆ
 
"คนไหนว่ะ อ๋อ ที่ผมเท่าบ่า ตัวเล็กๆ ใช่ป่ะ" นัตถาม
 
"นั่นแหละ" ผมช่วยนัตยืนยันความคิด
 
"ไมว่ะ ชอบเขาเหรอ"
 
"เออดิ จีบไงดีว่ะ" ผมถามนัตแล้วเสมองไปทางอื่น เพื่อปกปิดใบหน้าที่ร้อนเป็นไฟของผม
 
"ไม่รู้" คำตอบของนัตทำให้ผมหันมามองหน้า
 
"พูดงี้ได้ไงว่ะ แกมันจอมวางแผนช่วยเพื่อนหน่อยไม่ได้เหรอ" ผมอ้อนวอน "นะๆๆๆ แกอยากกินอะไรบอก สเวนเซ่นไหม" ผมเริ่มเสนอข้อเสนอ
 
"ไม่ ไม่รู้ ไม่เคยจีบผู้หญิง ฉันวางแผนเป็นแต่เรื่องแกล้งคน ถ้าแกอยากแกล้งเขาค่อยมาขอคำปรึกษา ไปกลับ" นัตพูดห้วน
 
"ใจดำ" ผมพูดเบาๆ แล้วคว้าจักรยาน เราไม่พูดกันตลอดทางเลยครับ ผมยอมรับว่าผมเคืองนัตเล็กน้อย เพราะผมจำได้ว่าตอนไอ้เฮงจะจีบเด็กคณะวิทยาฯ นัตยังช่วยไปส่งของด้วยความสนุกสนานอยู่เลย
 
นับตั้งแต่วันนั้นผมเองก็ไม่ค่อยจะคุยกับนัตสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าผมโกรธนัตหรอกนะครับ แต่มันเป็นความน้อยใจมากกว่า  ผมน่ะ คิดว่านัตเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ผมคิดว่าผมสามารถคุยและปรึกษานัตได้ทุกเรื่อง แต่การปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของนัต ทำให้ผมรู้สึกว่านัตไม่ได้เห็นผมเป็นเพื่อนสนิท และดูเหมือนนัตจะเข้ากันได้ดีกับเก่งและเฮงมากกว่าผมเสียอีก แต่ผมก็น้อยใจได้ไม่นานหรอกครับ เพราะถึงยังไงพอถึงช่วงสอบทีไร ผมก็อดลากนัตและเพื่อนๆ มาติวหนังสือด้วยกันไม่ได้
 
"นัตอย่าหลับ" ผมเอาชีทม้วนๆ ตีหัวนัตที่นอนฟุบกับโต๊ะเบาๆ
 
"นิดนึงไม่ได้เหรอ โคตรง่วงเลย"
 
"จะสอบอยู่พรุ่งนี้แล้วนะ" ผมพูด
 
"อ่านตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่อง ขอครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวตื่นมาอ่าน" แล้วนัตก็ฟุบหลับไป ผมส่ายหัวด้วยความระอาใจ ยังไงๆ นัตก็ยังเป็นนัตคนเดิม ที่เห็นการนอนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ผมหยิบเสื้อแขนยาวของนัต ที่นัตหยิบติดลงมาจากหอห่มให้นัต พลางมองนาฬิกา เพื่อจะได้ปลุกนัตถูก แล้วนั่งอ่านหนังสือต่อ
 
วันเวลาก็ผ่านไปจนกระทั่งวันสอบวันสุดท้ายของปี 1 ผมเดินออกมาจากห้องสอบด้วยท่าทางสบายๆ แล้วก็เหลือบเห็นนัตที่นั่งรออยู่ที่ระเบียง ผมนั่งคุยกับนัตเรื่องข้อสอบที่ทำไป สักพักเพื่อนๆ ก็ทยอยออกมาจากห้องสอบทีละคนสองคน จนตอนนี้บนระเบียงมีเสียงจ๊อกแจ๊กดังขึ้น จนทำให้เจ้าหน้าที่คุมสอบต้องออกมาปรามไม่ให้เสียงดัง ไม่ถึงชั่วโมงสุดท้ายของเวลาสอบดี พวกเพื่อนๆ ที่พวกเรานั่งรอก็ออกกันมาหมด เก่งกับเฮงที่สอบอีกห้องเดินเข้ามาหา พร้อมยิ้มร่า เดินอย่างสบายใจ
 
"เฮ้ย ไปกินส้มตำฝั่งลาวกัน" เสียงเก่งพูดขึ้น
 
"นึกไงว่ะ" ผมถามขึ้น
 
"นั่นดิ" นัตเสริม
 
"ก็นึกอยากกินไม่น่าถาม" เฮงเสริมเก่งด้วยท่าทีกวนๆ
 
"ไปก็ไป" ผมตัดสินใจ พวกผมเอาของไปเก็บที่หอ แล้วนัตกันเจอที่ใต้หอของพวกผู้หญิง ขออธิบายนิดนึงนะครับ เจ้าส้มตำฝั่งลาวเนี่ย พวกเราไม่ได้ไปกินกันที่ประเทศลาวจริงๆ หรอกครับ แต่ว่าข้างหลังมหาวิทยาลัยจะมีประตูเล็กๆ ที่มีสะพานเชื่อมมหาวิทยาลัยกับชุมชนแถวนั้นอยู่ ซึ่งสองฝั่งนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะบรรยากาศอีกฝั่งหนึ่งของมหาวิทยาลัยให้บรรยากาศชนบทมากเลย สะพานนั้นก็เลยถูกเรียกว่าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว และที่ฝั่งลาวก็จะมีร้านส้มตำรสเด็ดอยู่เยอะมาก พวกเราก็ไปกินกันไม่กี่ครั้งหรอกครับ เพราะว่าส้มกับอ้นกินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง และที่น่าแปลกใจก็คือ เฌ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ท่าทางคุณชายแบบนั้น แต่กินเผ็ดเก่งมาก และกินได้อาหารอีสานได้แทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นลาบ ก้อย ตำซั่ง หรืออะไรที่แม้แต่ผมกินไม่เป็นเฌก็กินเป็น ที่สำคัญเฌกินปลาร้าเป็นด้วย วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เฌกินส้มตำปลาร้าหน้าตาเฉย
 
"เฮ้ย เฌ ถามจริงเหอะ ไมแกกินอาหารพวกนี้เป็นว่ะ แถมกินเผ็ดเก่งด้วย อย่างแกไม่น่าได้กินบ่อย" ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย เก่งกับเฮงซึ่งกำลังกินอยู่เงยหน้าขึ้นมาจากอาหารตรงหน้าเพื่อรอฟังคำตอบ
 
"ก็ไม่เห็นจะแปลกเลย" เฌพูดขึ้น "ก็เป็นอาหารไทยเหมือนกัน ทำไมจะกินไม่ได้"
 
"เออใช่ อย่างคุณชายเฌราทรกินปลาร้าไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะทักตั้งแต่ครั้งแรกที่มากินกันแล้ว" ปุ๊กพูดขึ้นบ้าง
 
"คุณชายเฌราทร" เก่งกับเฮงพูดขึ้นพร้อมกันแล้วขำ ทำให้ทั้งโต๊ะอดที่จะขำตามไม่ได้
 
"เข้าใจตั้งว่ะ ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้ล่ะจะได้ช่วยกันเรียก" เฮงพูดขึ้นอย่างนึกสนุก "คุณชายเฌราทร เข้ากับแกมากๆ เลยเฌ ต่อจากนี้ฉันจะเรียกแกอย่างนี้นะ"
 
"ฮ่าๆๆๆ ฉันไม่ได้เป็นคนเรียกคนแรกหรอก" ปุ๊กพูดขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะคิกคักของพวกผู้หญิง "พวกนายคงไม่ต้องเดาหรอกนะ ว่าใครคิด" พวกผู้หญิงพูดพลางเหล่ตาไปทางนัตที่นั่งเงียบจนผิดปกติ ทำให้พวกเรารู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนแรกที่เรียกเฌอย่างนี้
 
"ไอ้นัต ไมแกไม่บอกพวกเราเลยว่ะ" เสียงเก่งพูดขึ้น
 
"เออน่า ไม่เห็นจะน่าเรียกเลย" นัตพูดปัดๆ
 
"นั่นสิเนอะ คุณหญิงกรธนัท" เฌพูดหน้าตาย พลางเหล่ตาอย่างเจ้าเล่ห์ไปที่นัต น่าแปลกครับ ปกติเจ้าเฌไม่ชอบให้พวกเราล้อเลียนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เฌจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อย่างตอนที่เฌสะดุดล้มตรงหน้าอาคารเรียนรวม แล้วเก่งกับเฮงไปล้อเข้า เฌยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่พูดด้วยไปตั้งหลายวัน แต่นี่กลับล้อนัตกลับอย่างอารมณ์ดี น่าแปลกจริงๆ
 
"คุณหญิงกรทนัท ฮ่าๆๆๆๆ" เสียงเก่งกับเฮงพูดขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะอีกครั้ง แม้แต่ผมเองก็อดหัวเราะจนน้ำตาไหลไม่ได้
 
"ถ้าไอ้นัตเป็นคุณหญิง โลกก็คงถึงจุดจบละมั้ง" กุลพูดขึ้น พร้อมกับเสียงเห็นพ้องจากเพื่อนทุกคน
 
"พอเหอะ พวกแกทุกคนเลย ไม่กินใช่ป่ะ จะได้กินคนเดียว" นัตพูดพลางเอาซ้อมจิ้มคอหมูย่างแรงๆ จนพวกเรากลั้นหัวเราะแทบตาย แถมยังสายตาที่มองมาทางเฌอย่างเคืองๆ
"อ้าวก็เพื่อนสมัยม.ต้น เรียกอย่างนั้นจริงๆ คุณหญิงกรธนัท" เฌพูดหน้าตาย "ยังอยากรู้อยู่หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงกืนปลาร้าเป็น"
 
"อยาก" เสียงเพื่อนๆ ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
 
"เรื่องมันเริ่มจากว่า ตอนม.ต้น ฉันชอบผู้หญิงคนนึง ร่าเริง เป็นที่รักของเพื่อนในห้อง ขี้แกล้ง อารมณ์ดี จนตอนขึ้นม.3 ฉันตัดสินใจบอกเขาว่าชอบ เขาก็พูดมาตรงๆ เลยว่าไม่ชอบฉัน แต่ฉันก็ตื้อไม่ยอมเลิก จนในที่สุดเขาก็รำคาญ พักกลางวันของวันหนึ่ง เขาก็บอกฉันว่าถ้าฉันกินส้มตำปูปลาร้าใส่พริก 20 เม็ด โดยที่ไม่กินน้ำ ลูกอม หรือว่าอะไรที่ดับความเผ็ดเลยจนกระทั่งตอนเย็นเขาจะคบกับฉัน" เฌเว้นจังหวะสักพัก แล้วหันไปมองนัตที่ดูจะเงียบผิดปกติ
"และแกก็กิน" กุลถามขึ้น เฌพยักหน้าเบาๆ
 
"แล้วไงต่อ" ส้มถามขึ้นบ้าง
 
"เผ็ดมากๆ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันกินส้มตำ เพราะที่บ้านไม่ยอมให้กิน เพราะมันทำให้ท้องเสียง่าย ฉันปวดแสบปวดร้อนแทบตาย แสบกระเพาะไปหมด จนต้องไปห้องพยาบาล อาจารย์ที่ห้องพยาบาลให้ฉันกินยาฉันก็ไม่ยอมกิน เพราะกลัวว่าเขาจะไม่ยอมคบฉันเป็นแฟน จนเพื่อนฉันไปบอกเขามั้งว่าฉันไม่ยอมกินยา เขาก็ลงมาที่ห้องพยาบาล แล้วก็บอกให้ฉันกินยา ฉันก็ยังไม่ยอมกิน จนเขาบอกว่า ถ้าไม่ยอมกินยาสัญญาจะเป็นโมฆะ นั่นก็หมายความว่าเขารับปากเป็นแฟนกับฉันแล้ว ฉันดีใจสุดๆ เลย" เฌพูดขำ "แล้วจากนั้น ตอนเป็นแฟน เขาก็ลากฉันเข้าร้านส้มตำบ่อยๆ จนฉันกินเป็นหมดทุกอย่างเนี่ยแหละ"
 
"แกนี่มันบ้าจริงๆ ว่ะเฌ" เก่งพูดอย่างไม่เชื่อ
 
"ฉันไม่เชื่อเลยว่าคนอย่างแกจะทำอะไรบ้าๆ อย่างนั้นเป็นด้วย" ผมพูดขึ้นอย่างทึ่งๆ "เป็นฉันไม่เอาด้วยหรอกพริก 20 เม็ด" ผมพูดพลางคิดภาพตามอย่างสยองๆ
 
"สงสัยฉันจะเป็นพวกชอบความรุนแรงมั้ง ถูกเขาแกล้งจนชอบ และเขาก็เป็นคนตั้งฉายาว่าคุณชายเฌราทรให้ฉัน ฉันก็เลยตั้งกลับว่าถ้าฉันเป็นคุณชายเฌราทรเขาต้องเป็นคุณหญิงกรธนัท"
 
"เฮ้ย" พวกผมทั้งโต๊ะหันหน้าไปมองนัตอย่างไม่เชื่อ
 
"เฌ" นัตพูดขึ้นอย่างตกใจที่เฌพูดเรื่องนั้นขึ้นมา
 
"เฌกับนัต"
 
"เคยเป็นแฟนกัน"
 
พวกเราทุกคนทำท่าเหมือนน็อตหลุดหายไปหลายตัว คุณชายอย่างเฌเคยคบกับจอมเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง จอมวางแผนอย่างนัต ตอนนี้จิกซอร์ที่เคยกระจัดกระจายได้มารวมตัวกันอย่างชัดเจน ทำไมนัตถึงเลี่ยงเฌในตอนแรกๆ ทำไมเฌถึงเป็นห่วงเป็นใยนัตผิดปกติ ที่แท้ก็เป็นเพราะอย่างนี้เอง
 
"ฮ่าๆๆๆๆ" เสียงเก่งกับเฮง "ไม่น่าเชื่อว่ะ  มีคนมาบอกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 ยังน่าเชื่อกว่านี้เลย"
 
"เงียบได้แล้ว ไอ้เพื่อนบ้า กินเข้าไปดิ สนุกนักเหรอเอาเรื่องในอดีตมาพูด" นัตพูดพร้อมกับย้ำประโยคสุดท้ายและมองหน้าเฌอย่างโกรธๆ
 
"อยากกินส้มตำพริก 20 เม็ดอีกหรือไง" นัตพูดอย่างโกรธๆ
 
"30 เม็ดก็ยังไหว" เฌพูดเบาๆ ทำให้ผมมองหน้าอย่างสงสัย หรือว่าเฌยังชอบนัตอยู่ แต่ผมก็คิดอยู่ไม่นาน นัตก็รีบเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว และทำหน้าประมาณว่าถ้าไม่เลิกพูดจะโกรธจริงๆ ทำให้พวกผมต้องพูดเรื่องอื่นไปตามระเบียบ(ของนัต) พวกผมนั่งคุยนั่งกินกันอยู่ร่วมสองชั่วโมงด้วยความสนุกสนาน จึงเดินออกมาจากร้าน เพื่อกลับเข้ามหาวิทยาลัย แล้วพวกผมก็นั่งคุยกันอยู่ที่สระน้ำพูดคุยถึงชีวิตปี 1 ที่แสนสนุกสนานกันอยู่จนใกล้เวลาปิดหอ พวกเราจึงแยกย้ายกันเข้าหอ แต่ก่อนที่ผมจะแยกไปนัตก็สะกิดผมแล้วก็ยัดกระดาษแผ่นนึงใส่มือผม
 
"อย่าบอกใคร" เขาพูดเสียงกระซิบกระซาบ แล้วก็แยกขึ้นหอไป ผมมองตามงงๆ แล้วก็ยิ้มออกเมื่อคลี่กระดาษแผ่นนั้นออก
 
"ถ้านายจะจีบเขา ก็ควรโทรไปคุยกับเขาบ้าง  กิ๊บ  01-585-5888"
 
ขอบใจนะนัต ผมนึกขอบคุณในใจ พลางคิดว่าจะพานัตไปเลี้ยงไอศกรีมตามที่เคยพูดเอาไว้
หลังจากขึ้นหอผมก็ยังไม่นอนหรอกครับ ผมอาบน้ำสระผมเสร็จก็เดินไปที่ห้องเก่งกับเฮงตามปกติ วันนี้พวกผมว่าจะคุยกันจนเช้า ถึงแม้พวกผมจะอยู่หออีกปี แต่ก็รู้สึกว่าคืนนี้ไม่อยากจะหลับเลย ผม เฌ เก่ง เฮง จึงนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาผู้ชาย
 
"เฮ้ย เคน ถามอะไรอย่างนึง" เฌถามผมขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ แต่แววตาดูจริงจังชะมัดยาก
 
"อะไรว่ะ ถามมาดิ"
 
"แกชอบนัตป่ะ"
 
"แค่กๆๆ" เจ้าเฌทำให้ผมสำลักน้ำที่กินอยู่เลยครับ "จะบ้าเหรอ ใครจะไปชอบเพื่อนว่ะ ฉันกับนัตไม่มีอะไรกัน นัตเป็นเพื่อนสนิท" ผมพูดขึ้นอย่างตกใจ
 
"ฮ่าๆๆๆ แกรู้หรือเปล่าว่าคนทั้งมหาวิทยาลัยเขานึกว่าแกกับนัตเป็นแฟนกันหมดแล้ว" ไอ้เฮงพูดขึ้น ทำผมหน้าเสีย ไม่ใช่ว่ากิ๊บคิดด้วยนะ
 
"บ้า คิดอะไรอกุศล นัตเป็นเพื่อนนะ ฉันไม่เอาเพื่อนมาเป็นแฟนอย่างเด็ดขาด ฉันรักนัตอย่างเพื่อนสนิทอย่างน้องสาวโว้ย นัตนิสัยเหมือนน้องสาวฉัน ฉันเห็นนัตก็เหมือนเห็นน้องสาวตัวเอง" ผมพูดอย่างขำๆ คนเรานะครับ แค่ผู้หญิงกับผู้ชายสนิทกันก็คิดกันไปมากมาย ทั้งๆ ที่ผมกับนัตไม่ได้คิดอะไรกันสักหน่อย ถ้านัตรู้จะต้องขำก๊ากแน่ๆ
 
"เออ แล้วแต่มึง" เฮงพูดขึ้นลอยๆ "แล้วรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าส้มชอบแก เคน"
 
"หา ว่าไงนะ" ผมย้อนถามเฮง พลางมองหน้าเพื่อนทั้งสามคนอย่างงงๆ
 
"ไม่จริง แกอย่ามาอำ" ผมพูดอย่างไม่เชื่อ
 
"จริง" เฌพูดขึ้น ทำให้ผมหน้าเสีย เฌไม่เคยพูดล้อเล่น ไม่ว่ากรณีใด อ้อ อาจจะยกเว้นที่เป็นเรื่องของนัต
 
"แกอย่ามาล้อเล่นน่าเฌ"
 
"เปล่า" เฌพูดขึ้น แล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่น แต่ผมนะสิ กำลังครุ่นคิดอย่างวิตก ผมล่ะกลัวที่สุด เรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับเพื่อน แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
 
:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:=:
 
 
 
<<<back          1             2              3              4
 
 
 
 

 
 
I want to say ;
 
มีใครหลงรักเฌเหมือนเราแล้วบ้าง คุคุ อยากเปลี่ยนพระเอกกะทันหัน แต่ทำไม่ได้