pue's tales ; tales from pue

The Simple Love Story ; Love Part 1

Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
 ตอนที่ 1 (รัก)แรกพบ

 
รักแรกพบเหรอ บ้าน่า ใครจะไปรักแรกพบกับคุณหนูเซ่อซ่าที่หาชื่อตัวเองบนบอร์ดไม่เจอได้ คุณลองคิดภาพดูสิ ภาพผู้ชายตัดผมรองทรงมายืนหน้าซีดๆ อยู่หน้าบอร์ด ในมือถือสมุดของโรงเรียนที่เขียนชื่อโรงเรียนตัวเองเอาไว้ นิ้วไล่ไปตามบอร์ดเพื่อหาชื่อของตัวเอง ตลกชะมัด
 
วันนั้นวันที่ประกาศผลเอ็นฉันตื่นแต่เช้าด้วยความสดใส เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีที่อยากมาตื่นฟังเสียงนกร้องอย่างเต็มใจ และไม่ถูกบังคับ เพราะอะไรนะเหรอ ไม่น่าถาม ก็ฉันเอ็นติดนะสิ ติดคณะอันดับ 1 ด้วย ไม่น่าเชื่อใช่ม้า ติดแบบหักปากกาเซียนเลยล่ะ ตอนที่เรียนมัธยมก็โดดซะสะบั้นหั่นแหลก แถมยังไปเรียนสายแทบทุกวัน บางวันไปเรียนคาบ 2 ก็มี โดนอาจารย์หมายหัวเอาไว้ตั้งหลายที แต่แกก็ไม่เคยจับได้คาหนังคาเขาก็เลยรอดทุกที  มากลับตัวได้จริงๆ จังๆ ก็ตอนม.6 นี่แหละ เพราะพ่อบอกว่าจะซื้อแลบทอปให้เป็นของขวัญ ถ้าเอ็นติด โอ้ย อย่าคิดว่าพ่อฉันใจดีขนาดนั้น ของอย่างนี้มันก็ต้องมีชั้นเชิงกันหน่อย เรื่องมันเริ่มจากตอนปิดเทอมตอน ม.5
 
"พ่อจ๋า นัตอยากได้คอม เอาแลปทอปอ่ะพ่อ อยากได้ เวลาเราไปเที่ยวไหน นัตจะได้มีคอมไปเล่นไง นะจ๊ะพ่อจ๋า" เสียงฉันอ้อนพ่อจ๋าสุดรัก พร้อมๆ กับไปกอดพ่ออย่างประจบ
 
"จะเอาไปทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ นักธุรกิจก็ไม่ใช่ ไร้สาระนะนัต" พ่อทำเสียงหงุดหงิด แถมยังอ่านหนังสือพิมพ์ไม่สนใจคำพูดของฉัน
 
"นะจ๊ะพ่อจ๋า นัตอยากได้ ก็เอาไว้เวลาฉุกเฉินไง นะจ๊ะ" ฉันยังไม่เลิกอ้อน
 
"นัต" พ่อทำเสียงดุ ปิดหนังสือพิมพ์หันมามองฉันด้วยสีหน้าจริงจัง "พ่อไม่ซื้อของราคาหลายหมื่นเพียงเพราะลูกอยากได้หรอกนะ แล้วคอมที่บ้านก็มีอยู่ จะซื้อไปทำไม ซื้อมาก็เอาแต่เล่นเกม หนูจะเล่นเกมพ่อไม่เคยว่า แต่เรื่องซื้อคอมใหม่ เพราะเหตุผลไร้สาระ พ่อไม่ซื้อให้ เข้าใจไหม"
 
เอาละสิ พ่อดุแล้ว ฉันรู้ว่าถ้าขอไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ และถ้าโมโหปึงปังพ่อก็จะยิ่งโมโหและไม่ซื้อให้ใหญ่ ฉันควรถอยไปตั้งหลักคิดแผน 2 คราวนี้คิดง่ายไป ฉันตัดสินใจถอยออกมาจาพ่อ เม้มปากสนิท ความเงียบและสายตาคือเครื่องมือของฉันในตอนนี้ ฉันมองพ่อพยายามให้มันเป็นสายตาแห่งความปวดร้าวที่สุด
 
"นัต ไม่ต้องมามองหน้าพ่ออย่างนั้น ยังไงๆ พ่อก็ไม่ซื้อให้" พ่อพูดแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
 
"นัตเข้าใจค่ะ" ฉันพูดพยายามให้เสียงสั่นเครือมากที่สุด และพยายามคิดถึงเรื่องเศร้าที่(ไม่ค่อย)ผ่านเข้ามาในชีวิต "ไม่เป็นไรค่ะพ่อ" ฉันพูดแค่นั้นก็เดินขึ้นห้องไป ฉันได้ยินเสียงแม่พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า พ่อไม่ควรพูดเสียงดุกับฉันขนาดนั้น เพราะฉันอ่อนไหวง่าย
 
"แม่ไม่เคยทันยัยตัวแสบหรอก เจ้าเล่ห์จะตาย ไม่รู้เราเลี้ยงลูกยังไงให้โตมาเจ้าเล่ห์" เสียงพ่อพูดขึ้นพร้อมๆ กับปิดหนังสือพิมพ์
 
"ก็เจ้าเล่ห์เหมือนคุณแหละค่า" เสียงแม่กึ่งๆ ประชดนิดๆ
 
เลิกล้มหรอกคะ ไม่มีทาง ยังไงฉันก็ต้องได้เจ้าแลปทอปมาครอบครอง ฉันหยิบกระดาษปากกาขึ้นมา เขียนเหตุผลดีๆ ที่ควรจะซื้อแลปทอปสักเครื่อง จากนั้นวันรุ่งขึ้น ฉันก็ไปพันทิปแล้วก็ห้างแถวบ้าน สำรวจราคา เอาโบชัวร์มาปึกใหญ่ๆ แล้วซื้อกระดาษสีแผ่นใหญ่ๆ มา 1 แผ่น มากลับมาถึงบ้าน ฉันก็เอากรรไกรตัดรูปแลปทอป โน้ตบุ๊ค กางกระดาษสีออก แล้วจัดวางอย่างลงตัว
 
"ทำอะไรน่ะนัต" เสียงพ่อฉันดังขึ้น ฉันกะเวลาเอาไว้เหมาะเหม็งเหลือเกิน พ่อกลับมาพอดีกับที่ฉันกำลังตัดกระดาษ ฉันนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ
 
"สวัสดีค่ะพ่อ แม่" ฉันสวัสดีพ่อกับแม่ที่เพิ่งกลับจากที่ทำงาน แล้วก้มหน้าก้มตาทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ
 
"พ่อถามว่าหนูทำอะไร" พ่อถอดรองเท้า และเดินมาดูฉันใกล้ๆ
 
"อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพ่อ ก็ตัดเอาไว้ดูเฉยๆ" ฉันพยายามยิ้มเศร้าๆ ให้พ่อ "หนูอยากได้อันนี้ค่ะ สามหมื่นนิดๆ หนูจะแปะมันเอาไว้ตรงกลาง ส่วนที่อยากได้รองลงมาก็แปะไว้รอบๆ" ฉันอธิบายอย่างเด็กช่างฝัน
 
"นัต" พ่อพูดเสียงดุ "พ่อคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว"
 
"พ่อค่ะ" ฉันพูดเสียงอ่อย "หนูขอแค่ฝันว่าหนูมี หนูขอแค่มีรูปมันติดเอาไว้ไม่ได้เหรอค่ะ"
 
"เฮ้อ จริงๆ เล้ย" พ่อส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แผนเอสำเร็จ ฉันก้มหน้าลงเพื่อเก็บซ่อนอาการ ฉันรู้ดีว่าพ่อเริ่มใจอ่อนแล้ว แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถรุกได้มากกว่านี้ ไม่งั้นจากใจอ่อนจะกลายเป็นโมโห
 
วันรุ่งขึ้นฉันเริ่มดำเนินการแผนบี
 
"แม่ค่ะ นัตว่านัตจะไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน" ฉันพูดขึ้นตอนเช้า
 
"ทำงาน เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ปกติก็ขี้เกียจไปโรงเรียนจะตายแล้ว" แม่พูดขณะที่ปอกเปลือกแอปเปิ้ล
 
"นัตอยากได้แลปทอปน่ะค่ะ แต่พ่อไม่ซื้อให้ นัตอยากได้จริงๆ นะค่ะ นัตคิดว่า พอนัตเรียนมหาวิทยาลัยนัตก็ต้องไปอยู่หอ บ้านเราอยู่ไกลตัวเมืองขนาดนี้ ถ้านัตมีใช้จะได้สะดวก เวลาไปอยู่หอนัตจะได้เมลล์คุยกับแม่ได้ไงค่ะ แล้วเราก็แชทกัน อย่างตอนที่นัตไปอยู่กับคุณยายที่ออสเตรเลียไงค่ะ" ฉันเอาเหตุผลในการซื้อข้อแรกและข้อเดียวที่คิดออกมาอ้าง
 
"จริงๆ เล้ย ลูกคนนี้" แม่ส่ายหัวแล้วปอกผลไม้ต่อไป ฉันนึกกระหยิ่มในใจ แม่ตกหลุมแล้ว
แผนการขั้นต่อ ฉันกดโทรศัพท์หาเพื่อน เวลาที่คิดว่าพ่อแม่จะกลับจากทำงาน ""พ่อแม่มาแล้วว่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ" ฉันทำเสียงกระซิบกระซาบกับเพื่อน พอให้พ่อกับแม่ได้ยิน
 
"คุยอะไรน่ะนัต" พ่อถามขึ้นด้วยแววตาสงสัย
 
"เปล่าค่ะพ่อ" ฉันทำท่ารีบวางหูโทรศัพท์และทำพิรุธเต็มที่ ฉันทำอย่างนี้อยู่ 2 - 3 วัน จนพ่อเริ่มสงสัยอย่างหนัก จนกระทั่งวันนึง ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องรุกฆาต 
 
"แก ถ้าพ่อแม่จับได้ซวยเลยนะเว้ย รู้ๆ ว่ามันได้เงินดี แต่ว่า...... อยากได้ๆ แต่ว่า....... เออๆ เอางี้ ฉันขอตัดสินใจก่อน พรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบนะ โอเค เจอกัน" ฉันพูดขึ้นหลังจากเห็นว่าพ่อแม่เดินมาใกล้พอที่จะได้ยินเสียงฉัน แล้วฉันก็แกล้งตกใจสุดขีดที่เห็นพ่อกับแม่ยืนอยู่ "นัตไปทำการบ้านก่อนนะคะ" แล้วฉันก็แอบปรายตามองหน้าพ่อกับแม่อย่างกังวล ฉันไม่ได้ไปทำการบ้านอย่างที่บอกหรอกค่ะ แต่แอบฟังพ่อกับแม่คุยกันเสียงเครียด และแล้ววินาทีของการตัดสินก็มาถึง 
 
"นัต" พ่อเรียกฉันเสียงเครียด
 
"คะพ่อ" ฉันพูดเสียงเบา ราวกับเด็กโดนจับผิด
 
"อยากได้มากเหรอ แลปทอป"
 
"ค่ะ" ฉันตอบโดยที่ไม่มองหน้าพ่อ
 
"ถ้าเอ็นติดจะซื้อให้ ไม่ต้องไปทำงาน เอ่อ หรือว่าทำอะไรแล้ว เข้าใจไหม" พ่อพูดอย่างกังวล ฉันเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้าง
 
"พ่อน่ารักที่สุดเลย" แล้วฉันก็กระโดดกอดพ่อ แล้วก็หอมแก้มพ่อเบาๆ "ไม่มีใครน่ารักเท่าพ่อนัตเลย"
 
"ไม่ต้องทำเวอร์ ต้องเอ็นติดเท่านั้น เข้าใจไหม" พ่อพูดเสียงขรึมๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความโล่งใจ
 
"ค่ะ" ตั้งแต่วันนั้นมา ฉันก็โหมอ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อแลปทอป
 
ในที่สุด ก็มาถึงวันนี้ วันที่ฉันเอ็นติด และตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เสียงบูมดังกระหึ่มไปทั่วทุกสารทิศ การที่ฉันเอ็นติดเป็นหักปากกาอาจารย์ที่โรงเรียนก็สะใจอยู่หรอก แต่ความรู้สึกที่จะได้แลปทอปมันน่าดีใจมากกว่า
 
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวลอยๆ พื้นที่แข็งกระด้างก็ดูเหมือนปุยเมฆ อิฐทุกก้อนที่เหยียบย่ำก็เหมือนแป้นเปียโนที่ส่งเสียงไพเราะอยู่ตลอดเวลา ฉันฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอ แล้วก็เดินไปดูสมุดที่วางขายเรียงราย เลือกซื้อลายที่แปลกๆ มาเล่มสองเล่ม ก่อนที่เดินไปที่บอร์ด ตรงบอร์ดคณะที่ฉันติด ฉันเห็นผู้ชายท่าทางเก้ๆ กังๆ คนนึงยืนอยู่ ในมือถือสมุด ทีแรกฉันเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก ฉันก็ไล่ๆ หาชื่อในบอร์ดอย่างสบายใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าติด นอกจากผลทางเน็ตที่เช็คเมื่อวานแล้ว ก็ยังมีจดหมายที่มาส่งตอนสายๆ ก่อนฉันจะออกจากบ้านอีกฉบับ เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของฉัน พอฉันเจอชื่อของฉันก็มองซ้ายแลขวา ฉันอยากจะไปที่ซุ้มของคณะเต็มที แต่ไม่ยักจะเห็นรุ่นพี่สักคนมานำทาง ฉันยืนมองนู่นมองนี่อย่างเซ็งๆ มองพี่กลุ่มข้างๆ บูมน้องในคณะ และแล้วสายตาของฉันก็ตวัดเห็นผู้ชายคนเดิม ที่หาชื่อตัวเองอยู่ สายตาของเขาเป็นกังวลอย่างมาก หน้าก็เริ่มซีดเป็นไก่ต้มไปทุกที สายตาของฉันเหลือบไปเห็นชื่อของเขาบนสมุด อนุชิต ปิยะวงศ์ ชื่อคุ้นๆแหะ แล้วฉันก็ตวัดสายตาไปที่บอร์ดอีกครั้ง ทำให้ฉันส่ายหัว และอดที่จะขำตัวเองไม่ได้ ไม่คุ้นได้ไงเล่า ก็ชื่อติดกันเลย แต่เอ นายนั่นก็ติดทำไมทำท่าเหมือนไม่ติด แถมหน้าซีดๆ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีก ลองทักหน่อยดีกว่า ฉันคิดอย่างนึกสนุก
 
"ติดคณะนี้เหมือนกันเหรอ" ฉันถาม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเขาติด
 
"ไม่รู้สิ ยังไม่ได้ดูเลย" อ้าว ไหงตอบอย่างนี้ สาบานได้ว่าฉันเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ก่อนหน้าฉันเสียอีก คนอย่างนี้น่าแกล้งจัง
 
""ชื่ออะไรล่ะ เดี๋ยวช่วยหา" ฉันถาม "ชื่อฉันอยู่ตรงนี้ นายชื่ออะไร" ฉันชี้ไปที่ชื่อฉัน เพื่อบอกให้เขารู้เป็นนัยๆ ว่ามาหาทางนี้สิ ชื่อนายก็อยู่ตรงนี้นะ แต่ว่า
 
"ไม่เป็นไร ดูแล้วไม่มีชื่อฉัน ขอบคุณ และนี่ก็เป็นอันดับสุดท้ายที่ฉันเลือกแล้วด้วย" เวรกรรม ตานี่นอกจากท่าทางจะดูเป็นคุณหนูแล้ว ยังเซ่อซ่าอีกต่างหาก
 
"เดี๋ยวสิ นายชื่ออะไร ไม่ลองหาอีกรอบเหรอ ฉันนัต ยินดีที่ได้รู้จัก" ฉันพูดอย่างรวดเร็ว แต่ตานั่นก็ทำท่าคอตกหูลีบ เป็นหมาโดนเจ้าของทิ้ง  เขาทำเพียงแค่บอกชื่อตามมารยาท ทำท่าจะเดินจากไป อีตาบ้าเอ้ย ฉันคิดอย่างขัดใจ
 
"นายชื่ออนุชิต ปิติวงศ์ใช่ไหม" ฉันพูดไม้ตายออกไป สงสัยต้องบอกตาเซ่อนี่ตรงๆ เสียแล้ว นายนั่นทำหน้างงๆ ว่าฉันรู้ชื่อเขาได้ยังไง ฉันจึงชี้ไปที่สมุดของเขา เขาก็ทำหน้ารับรู้ แต่จะว่าไป ไอ้หน้างงๆ นี่ ตลกสุดๆ ฉันต้องกลั้นหัวเราะแทบตาย
 
"ถ้าใช่ ชื่อนายอยู่ตรงนี้ ข้างๆ ฉันเลย" ฉันพูดยิ้มๆ พลางดูปฏิกิริยาของเพื่อนใหม่อย่างพึงพอใจ นายนั่นตาโตเท่าไข่ห่าน ยิ้มเสียจนแก้มจะปริออกจากกันเสียให้ได้
 
"ไม่จริง ก็เมื่อกี้หาแล้วไม่เจอ" เขาพูดอย่างไม่เชื่อ และรีบตะลีตะเหลือกมาดูชื่อตรงที่ฉันชี้
 
"ตาเซ่อ นายลืมหาแผ่นนี้ละสิ ฉันอุตส่าห์บอกแล้วว่าชื่อฉันอยู่ตรงนี้ ฉันรู้ตั้งแต่ก่อนทักนายแล้วล่ะว่านายติด" ฉันพูดขำ อีตานี่ เซ่อจริงๆ แหะ ไม่เหมาะกับมาดคุณหนูที่เห็นตอนแรกเลย แล้วอีตานั่นก็ขอบอกขอบใจเสียยกใหญ่ ฉันมองขำๆ รู้งี้ปล่อยให้เศร้าจนกว่าจะได้ซองจดหมายดีกว่า ฉันคิดอย่างขำ พลางบอกปัดไม่ให้เขาขอบคุณ
 
"นายควรจะขอบใจตัวเองนะ ตาเซ่อ เพราะนายเป็นคนทำข้อสอบ ไม่ใช่ฉัน" ฉันพูดกลั้วหัวเราะ สักพักก็มีรุ่นพี่มาบูมเราสองคน เฮ้อมาสักทีน้า รุ่นพี่ ฉันหันไปยิ้มล้อๆ เขา และเขาก็ยิ้มให้ฉันเสียด้วยสิ ฮึ ดีจัง แค่วันแรกพบฉันก็ได้เพื่อนคนแรกของมหาวิทยาลัยแล้ว
 
:+:+:+:+:+:+:++:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+|:+
 
 
<<<back to Index         1            2              3             4                               next>>>