pue's tales ; tales from pue

My dEar 9

Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
ตอนที่ 9

"กวางฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปอังกฤษ" เสียงยัยปิ่นพูดขึ้นใกล้ๆ หู ทำเอาฉันใจหายวาบ แต่สิ่งที่พูดออกไปก็มีเพียงแค่คำว่า 'ตามใจ'

ตอนนี้ปิ่นขึ้นมาอยู่ที่รีสอร์ทของฉัน เพราะปิ่นมีปัญหากับพี่ภู ไม่ใช่เรื่องนิดหน่อย แต่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โตเลยล่ะ ก็พี่ภูคู่หมั้นยัยปิ่นน่ะสิดันไปมีอะไรกับเพื่อนยัยปิ่น ทีนี้พอแฟนเก่ายัยปิ่นที่เป็นญาติกับเพื่อนปิ่นเห็นรูปที่อยู่ในห้อง (ความสัมพันธ์วุ่นวายพอควร) ก็รีบเอามาให้ปิ่นดู แถมเจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธ แถมยังยอมรับอีกว่า 'ทำไปเพราะความไม่ตั้งใจ'

ฉันควรจะโกรธพี่ภูที่ทำให้เพื่อนฉันเจ็บขนาดนี้ แต่ว่าน่าแปลกที่ฉันกลับเข้าอกเข้าใจพี่ภูเป็นอย่างดี บางทีอาจจะเป็นเพราะเสียงร้อนรนของเขาที่โทรมาคุยกับฉันด้วยความร้อนใจ และน้ำเสียงของเขาก็บอกกับฉันว่า 'เขาไม่ได้ตั้งใจและรักปิ่นคนเดียว' จริงๆ

"ปิ่น.... บางทีสิ่งที่ผูกคนเราเอาไว้ไม่ใช่ความสัมพันธ์ทางกายนะ แต่เป็นทางใจต่างหาก ถ้าพี่ภูกับเปียวมีใจผูกพันกัน ฉันจะบอกให้แกไปไกลๆ เขาเลย แต่นี่ไม่ใช่ พี่ภูก็รักแก ที่ทำไปก็เพราะผิดพลาด" ฉันพยายามหว่านล้อมปิ่น แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือความเงียบงัน

"ฉันขอไปสงบสติอารมณ์หน่อยแล้วกัน" ปิ่นพูดพลางนั่งเงียบ แล้วเหม่องมองไปข้างนอก การกระทำของปิ่นทำให้ฉันรู้ว่ามันอยากจะอยู่คนเดียว

สักพักพี่อาร์มแฟนเก่าของมันก็ตามมาขอคุยกับปิ่น และบอกความจริงเรื่องของคืนนั้นที่เป็นการตั้งใจให้เกิดขอ งเปียว ปิ่นก็รับรู้ แต่ก็ไม่เปลี่ยนใจที่จะไปอังกฤษ ฉันไม่เข้าใจการกระทำของมันเลย ทั้งที่ยังรักกัน แต่ก็ไม่อยากจะอยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นฉันฉันพร้อมที่จะอภัยให้กับคนที่รักเสมอ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
 
ไม่นานนักยัยปิ่นก็เดินทางไปอังกฤษ ฉันรู้สึกโหวงๆ ยังไงไม่รู้ แม็กซ์ก็ไปเยอรมัน ปิ่นก็ไปอังกฤษ ไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่ที่เมืองไทยเลยสักคน แม้ว่าแม็กซ์จะเมล์มาบ้างแต่ก็เป็นเมล์สั้นๆ และการโทรครั้งแรกและครั้งเดียวของมันก็เป็นเรื่องที่มันโทรมาบ่นฉันเรื่องปิ่น และต่อว่าฉันใหญ่โตที่ยังเข้าข้างพี่ภูไม่เลิก ท้ายสุดเราก็ทะเลาะกันใหญ่โต ทั้งๆ ที่อยู่กันคนละประเทศ เศร้าใจจริงๆ ในแว๊บนึงของความคิดฉันก็อดคิดไม่ได้ว่ายังไงแม็กซ์ก็เป็นห่วงปิ่นที่สุดอยู่ดี ไม่ว่าจะเลิกกันไปกี่ปีแล้วก็ตาม น่าน้อยใจชะมัดเลย

แต่ความคิดน้อยใจของฉันและความรู้สึกโหวงๆ ของฉันก็อยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะงานที่รีสอร์ทตอนนี้ยุ่งมาก เพราะเป็นช่วงเทศกาล ทำให้ฉันไม่ค่อยจะมีเวลาว่างที่จะคิดถึงอะไรทั้งนั้น แต่ความรักของฉันกับพี่ดินก็ยังหวานกันเหมือนเดิม ส่วนน้องลูกหินที่พวกเรากังวลก็ไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรสักเท่าไหร่ ยังคงวิ่งตามและเรียกฉันว่าแม่กวางๆ ด้วยความสดใส

"แม่กวางเหนื่อยไหม ลูกหินเอาน้ำมาให้ครับ" ลูกหินเดินถือน้ำมะนาวที่เอียงกะเท่เล่มาให้ฉัน ฉันรับมาด้วยหัวใจที่เต็มตื้น แล้วก็หอมแก้มเจ้าลูกชายหนึ่งทีก่อนพูดขอบคุณเบาๆ

คิดไปคิดมาก็น่าสงสารยัยปิ่นมัน ความรักของมันแต่ละครั้งสร้างความเจ็บปวดร้าวลึกมากขึ้นทุกครั้ง แต่มันก็เป็นคนใจแข็งพอสมควร เพราะถ้ามันบอกว่าไม่ ก็ยากที่ใครจะไปเปลี่ยนใจ ส่วนเรื่องครั้งนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไงเหมือนกัน แม้จะคบกันมานาน แต่ก็ขอยอมรับว่า เดาใจมันไม่ออกเหมือนกัน

"คิดอะไรอยู่ครับ" พี่ดินถามฉันหลังจากที่เห็นฉันเหม่อมองฟ้าอยู่นาน

"กำลังคิดถึงปิ่นน่ะค่ะ จะแต่งงานแล้วแท้ๆ แต่กลับมีเรื่องแบบนี้" คำพูดของฉันทำให้พี่ดินหัวเราะร่วนขึ้นมา ฉันก็เลยค้อนควับเข้าให้ หัวเราะออกมาได้ คนอะไร

"กวางไม่เคยได้ยินเหรอ ก่อนแต่งงานจะมีเรื่องวุ่นวายก่อนแต่ง ถ้าคู่ไหนไม่มีแต่งไปแล้วสิจะยุ่งกว่า ไม่ต้องกังวลไปหรอก คนเราถ้าคู่กันแล้วก็ไม่หนีไปไหนหรอก จริงไหม?" ฉันยิ้มให้พี่ดินก่อนที่จะเอนหัวไปซบกับไหล่กว้างของเขา อยากจะถามเหลือเกินแล้วถ้าถึงตาของเราจะมีอะไรทำให้กังวลไหม แต่ว่าก็กระดากเกินที่จะถาม เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยจะพูดเรื่องนี้จริงจังสักที อีกอย่างฉันกับเขาก็เพิ่งจะคบกันจริงๆ จังๆ ได้ไม่นาน

"ใกล้วันเกิดน้องลูกหินแล้ว เราจะจัดงานวันเกิดยังไงดีคะ" ฉันถามเขาขึ้น

"แล้วแต่แม่กวางเลย พี่ยกลูกพี่ให้กวางแล้วไง จำได้ไหม" พี่ดินตอบพลางจูบที่ขมับฉันเบาๆ ทำให้ฉันยิ้มออกมาอย่างสดใส เอาล่ะเรื่องของปิ่นก็ให้พี่ภูตามไปจัดการที่อังกฤษ ส่วนตอนนี้ขอฉันวุ่นวายเรื่องงานวันเกิดน้องลูกหินหน่อยเถอะ
 
การเตรียมงานวันเกิดน้องลูกหินเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ฉันกับพี่ดินนั่งดูรายการที่ต้องซื้อด้วยความสนุกสนาน แน่นอนว่าเราก็เตรียมของขวัญให้น้องลูกหินกัน ทีแรกฉันก็จะซื้อของฉันแยกต่างหาก แต่พี่ดินกลับบอกว่าให้ชิ้นเดียวกัน

"จากพ่อกับแม่ไง" พี่ดินพูดหน้าตาเฉย เล่นเอาฉันหน้าร้อนผ่าว ชอบพูดจาอย่างนี้อยู่เรื่อย แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรจริงจังเสียที ตายแล้ว นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย ไม่ๆ ฉันต้องไม่คิดไปไกลขนาดนั้น เพราะมันจะทำให้ฉันคาดหวังอะไรที่อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ แค่ได้อยู่ด้วยกันวันนี้ก็พอแล้ว... ใช่ แค่นี้พอแล้ว
 
 
"วันนี้ดูอารมณ์ดีจังเลยนะกวาง" แม่ทักฉัน เมื่อฉันนั่งอ่านหนังสือฮัมเพลงอยู่คนเดียว

ฉันเงยหน้าไปมองแม่ก็เห็นแม่ยิ้มให้ล้อๆ ฉันรู้ว่าแม่หมายถึงอะไร จึงแสร้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง นี่แม่จะหาเรื่องล้อฉันเรื่องพี่ดินอีกล่ะสิ ฉันแอบเหลือบตามองแม่ที่ยิ้มไม่หุบ แล้วก็กลับมาทำท่าสนใจหนังสือตรงหน้าเหมือนเดิม

"เอ้อ เก้งโทรมาแหนะ โทรกลับด้วยนะ พอดีตอนนั้นกวางยุ่งๆ แม่เลยไม่อยากเรียก"

ฉันพยักหน้าตอบแม่เป็นเชิงรับรู้ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์โทรหาเจ้าน้องชายตัวแสบ
 
ฉันรอสายอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าเก้งจะมารับสาย ฉันเหยียดเท้านอนกับโซฟานอนสบายๆ อีกมือนึงก็พลิกหน้าหนังสือ จนกระทั่งเก้งรับสายนั่นแหละ ถึงได้ปิดหนังสือ

"เจ้ พิณเขาจะไปเที่ยวที่เชียงราย เจ้ช่วยจองห้องให้หน่อย อ้อ เก้งจะไปด้วยนะ"

"เฮ้ย นี่แกจะพาสาวเที่ยวค้างคืนเหรอ?" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความตกใจมากมาย แต่ก็ไม่ได้ตกใจจริงๆ หรอกค่ะ เพราะว่าถ้ามันจะพาสาวไปเที่ยวค้างคืนสองคนจริงๆ มันคงไม่พามาที่รีสอร์ทฉันหรอก คุณพิณคงจะมาธุระมากกว่า ส่วนเจ้าเก้งก็เลยถือโอกาสมาด้วย

"บ้าแล้วเจ้ ใครจะทำอย่างนั้น" เสียงเจ้าเก้งโวยวายเสียงดังขึ้นมา ทำให้ฉันอดที่จะหัวเราในลำคอไม่ได้ เพราะไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าเก้งคงกำลังหน้าแดงหูแดงตามแบบฉบับของมัน ก็เจ้านี่เขินง่ายจะตายไป โดยเฉพาะเรื่องสาวๆ "พิณเขามีธุระต้องไปที่เชียงรายต่างหาก"

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย ตอนนี้ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ เล่นเอาเจ้าเก้งทำเสียงกระฟัดกระเฟียดใส่ฉันเลยทีเดียว

"อ้าวแล้วแกเกี่ยวอะไรเจ้าเก้ง มาทำไม" ฉันถามเป็นการลองเชิง แต่ปลายสายกลับเงียบลงไป

"เจ้อ่ะ" เมื่อหาเหตุผลไม่ได้ เจ้าเก้งก็ได้แต่พูดคำนี้ออกมา เล่นเอาฉันอมยิ้มไปเลย ให้ตายสิ ฉันกล้ารับประกันว่า ถ้าใครได้น้องชายฉันไปเป็นแฟนเนี่ย ช่างโชคดีจริงๆ งั้น...คุณพิณก็คงจะโชคดีสินะ

"โอเค ไม่แซวแล้ว มาเมื่อไหร่ล่ะ" เจ้าเก้งบอกวันที่มา ทำให้ฉันอดที่จะเปรยออกมาเบาๆ ไม่ได้ "ก่อนวันเกิดน้องลูกหินวันนึงเลยนี่นา..."

"วันเกิดของไอ้เด็กนั่นเหรอ?"  เก้งพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ทำให้ฉันต้องร้องเตือนเบาๆ ทำให้สงบลงไปได้บ้าง "เก้งไม่อยากให้พี่กวางคบกับตานั่นเลย ไม่รู้ดิ ไม่ถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก"

"เก้ง อย่ามาพูดอย่างนี้นะ พี่ดินเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้เราสักหน่อย" ฉันพูดพลางค้อนประหลับประเหลือกอยู่คนเดียว

"ครับๆ ไม่อยากทะเลาะกับเจ้แล้ว ไปดีกว่า"

"ก็ดี แล้วจะไปรับที่ท่ารถนะ ตกลงมารถทัวร์นะ" ฉันย้ำสิ่งที่คุยกับน้องอีกครั้ง

"อื้อ แล้วเจอกัน"
 

ยิ่งใกล้วันเกิดน้องลูกหิน แกก็ยิ่งพูดถึงแม่เพลงของแกบ่อยขึ้น ทำให้ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่รักลูกไม่แพ้ใครเลย การที่เขาเดินจากไปก็คงเป็นเพราะอดทนไม่ไหวจริงๆ ในความคิดชั่วขณะ ฉันอยากรู้เรื่องของพี่ดินกับคุณเพลงว่าเป็นยังไง

"แม่เพลงกับพ่อดินรักกันมากไหมครับ?" รู้ทั้งรู้ว่าไม่สมควร แต่ก็ถามออกไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองจริงๆ

"รักกันมากเลยครับ ใครๆ ก็อิจฉา มีแต่คนบอกว่าพ่อดินกับแม่เพลงเกิดมาคู่กัน"

ไม่น่าถามเลย ถามไปแล้วก็เจ็บเอง มันเจ็บแปลบๆ ขึ้นมาในหัวใจ แม้ว่าจะพยายามท่องเอาไว้ว่ามันจบไปแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิด

"แม่กวางเป็นอะไรไปครับ หน้าเครียดเลย เวลาแม่เพลงทำหน้าเครียดอย่างนี้นะ พ่อดินจะเข้าไปกอด งั้นน้องลูกหินกอดแม่กวางนะครับ" น้องลูกหินพูดจบก็ตรงเข้ามากอดฉัน ฉันกอดน้องลูกหินตอบเบาๆ แล้วยิ้มให้เพื่อให้แกสบายใจ แต่ในใจยังว้าวุ่นอยู่ไม่หาย ทำไมนะ หมู่นี้ฉันถึงได้กังวลเรื่องคุณเพลงมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่มันจบไปแล้ว ฉันก็ควรที่จะเลิกคิดถึงมันใช่ไหม?
 
ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องในอดีตของเขามาคิดมาก แต่มันก็อดคิดไม่ได้ เขาเคยรักกันมาก แล้วเขาจะลืมกันได้จริงๆ นะหรือ? เฮ้อ ไม่คิดๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ

"อุ้ย" ฉันอุทานเบาๆ เมื่อมีคนมากอดจากข้างหลัง จากนั้นก็กดจมูกลงบนแก้มของฉันเบาๆ

"อย่าค่ะ" ฉันร้องห้ามอย่างไม่จริงจังนัก

"ทำหน้ามุ่ยเชียว เป็นอะไรครับ" เขาถามเสียงนุ่ม แต่คำถามของเขาทำให้ฉันอดที่จะคิดถึงคำพูดของน้องลูกหินไม่ได้

[i]'เวลาแม่เพลงทำหน้าเครียดอย่างนี้นะ พ่อดินจะเข้าไปกอด'[/i]

...ไม่นะกวาง แกกำลังคิดอะไรอยู่ เอามันออกจากหัวไปเดี๋ยวนี้นะ ....

"เป็นไรหรือเปล่า? ส่ายหัวไปมา วันนี้กวางดูตลกนะ โอ้ย อย่ามาฟาดพี่อย่างนี้สิ"

"ก็มาว่ากวางตลกนี่นา" ฉันพูดงอนๆ ทำให้เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างสดใส ฉันเห็นท่าทางเขาเป็นอย่างนี้แล้วก็ไม่อยากคิดอะไรต่อไปให้ว้าวุ่นใจ แค่เรามีกันและกันตอนนี้ก็คงพอแล้ว

"กวางรักพี่ดินค่ะ" ฉันพูดบอกรักเขาเบาๆ ทำให้เขาเลิกคิ้วมองด้วยกันแปลกใจ

"เป็นครั้งแรกที่กวางพูดคำนี้กับพี่นะเนี่ย นึกอะไรขึ้นมา" เขายิ้มถามอย่างอารมณ์ดี

"ก็...นึกรักพี่ดินมั้งคะ"

เขาบีบจมูกฉันเบาๆ ก่อนที่จะหอมแก้มฉันอีกทีหนึ่ง "พี่ก็รักกวางนะ"

แค่นั้นแหละที่ฉันต้องการ ความมั่นใจที่มีให้กันและกัน ที่ฉันต้องการก็มีแค่นั้นจริงๆ ตอนนี้อดีตจะเป็นยังไงฉันก็ไม่สนใจแล้ว ขอให้ปัจจุบันและอนาคตเรามีกันและกันก็พอใจแล้ว
 
หลังจากนั้นฉันก็พยายามไม่คิดมากเรื่องคุณเพลงอีกเลย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนวันที่ฉันต้องไปรับเจ้าเก้งกับหวานใจของมัน ทีแรกพี่ดินก็จะไปด้วยหรอกนะ แต่พอดีว่าที่ไร่มีปัญหาบางอย่างที่เขาต้องรีบไปแก้ไข ฉันเลยต้องขับรถไปคนเดียว แต่ฉันเองก็ไม่ได้น้อยใจอะไรหรอก ดีเสียอีก เพราะขืนเจ้าเก้งมาเจอกับพี่ดินตั้งแต่แรกจะพาลอาละวาดเอา

"เจ้มาช้า" เสียงเจ้าเก้งบ่นขึ้นทันทีที่เห็นหน้าฉัน

"อย่าบ่นเป็นตาแก่หน่อยเลย รีบขึ้นรถเถอะ" ฉันนค้อนเจ้าน้องชายหนึ่งวง ก่อนที่จะเดินนำขึ้นรถ ให้มันขนกระเป๋าอยู่คนเดียว "คุณพิณไม่ต้องยุ่งหรอกค่ะ ปล่อยให้รายนั้นจัดการไปเถอะ"

คุณพิณยิ้มให้ฉันนิดๆ ก่อนที่จะส่งกระเป๋าให้เจ้าเก้ง เวลาทำหน้าเฉยๆ ก็น่ารัก เวลายิ้มยิ่งน่ารักไปใหญ่ ดูไม่ออกเลยว่าอายุมากกว่าฉัน ผิวก็สวย โอ้ย ผู้หญิงอะไรจะเพอร์เฟคไปทุกอย่าง

"เก้งหิวอ่ะ หาอะไรกินกันก่อนไหม?" เจ้าเก้งขึ้นรถปุ๊บก็บ่นปั๊บ เฮ้อ น้องชายฉัน

"แม่พี่ทำข้าวเช้าเอาไว้รอน่ะ อดทนหน่อยได้ไหมล่ะ คุณพิณหิวยังคะ?"

"ไม่ค่ะ เพลียมากกว่า" คุณพิณตอบเบาๆ ดูจากหน้าคุณพิณก็คงจะเพลียจริงๆ ก็นั่งรถมาหลายชั่วโมงนี่นะ

"หลับไปก่อนก็ได้ค่ะ ถึงแล้วจะปลุก" ฉันพูดบอก คุณพิณพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะหลับตาเอนหัวพิงกระจกหลับไป
 
วันนั้นทั้งวันฉันก็ได้รับรู้ว่า เจ้าเก้งเนี่ยมันเป็นเอามากแหะ มันดูแลคุณพิณราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงเลยทีเดียว เห็นแล้วก็อิจฉาจัง ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องชายจะจับไม่ปล่อยเลยทีเดียว ส่วนคุณพิณแม้จะดูเหนื่อยจากการเดินทางมาบ้าง แต่ก็ยิ้มรับเป็นอย่างดี แหม..ท่าทางสนิทกันอย่างนี้อีกไม่นานฉันก็คงจะมีน้องสะใภ้แล้ว

"กวางโทรศัพท์ลูก จาก...." แม่พูดลากเสียงยาวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ เท่านี้ฉันก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร

"กวางเหรอ พี่เองนะ วันนี้พี่คงไปหากวางไม่ได้ เพราะงานที่ไร่ยังวุ่นไม่เลิกเลย" เสียงพี่ดินบ่งบอกว่าเสียใจจริงๆ ที่วันนี้ไม่ได้มาเจอหน้าฉัน ทำให้ฉันยิ้มออกมาอย่างรื่นเริง

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พรุ่งนี้ก็เจอกัน" ฉันพูดเหมือนไม่ใส่ใจ

"คงมีพี่คนเดียวสินะที่อยากเจอกวางทุกวัน" คำพูดของเขาทำให้ฉันอดที่จะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้

"อยากเจอสิคะ แต่ว่าจะให้ทำยังไงได้ล่ะคะ จะให้กวางไปหาหรือไง?" ฉันพูดอย่างไม่คิดจริงจัง แต่อีกฝ่ายนี่สิ คิดจริงๆ

"เอาสิ ขับรถมา เดี๋ยวตอนกลับพี่ไปส่ง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

"บ้าสิ ขืนออกไปตอนนี้ เจ้าเก้งได้ฆ่ากวางตาย เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ งานวันเกิดลูกชายไง" ฉันพูดไปยิ้มไป แต่พอหันไปเจอสายตาแม่ก็ต้องหุบยิ้มอย่างทันทีทันใด ...แม่นะแม่ มายิ้มล้ออยู่ได้....

"โธ่ ไอ้เราก็คิดว่าพูดจริง" เสียงเขาพูดด้วยความเสียดายนิดๆ

"เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ บายค่ะ"

"ครับ" เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นฉันจึงวางหูลงแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว แต่พอหันหน้ามาเห็นหน้าเจ้าเก้งก็ต้องหุบยิ้มอีกรอบแทบไม่ทัน

"ดีใจใหญ่เลยนะ แต่โทรมาแค่นี้" เจ้าเก้งกัดฉัน ทำให้ฉันแยกเขี้ยวใส่ไปหนึ่งที ....ก็แฟนกันนี่นา ทีตัวเองยังพากับสาวเลย...

ได้แต่คิดแหละค่ะ ไม่กล้าพูดออกไป ขืนพูดจิ เก้งได้แปลงร่างเป็นปีศาจแน่ๆ

"เอ้อ พรุ่งนี้กวางจะไปทำบุญ ไปด้วยกันไหมคะคุณพิณ" ฉันชวนคุณพิณเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ไม่งั้นเรื่องราวจะยิ่งยุ่งยากมากกว่านี้

"พรุ่งนี้พิณมีธุระน่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ชวน"

ฉันยิ้มให้ประมาณบอกว่าไม่เป็นไร ส่วนเจ้าน้องชายตัวดีไม่ต้องชวนมันหรอก ถ้าคุณพิณไม่ไปกับฉัน มันก็ไม่ไปกับฉันหรอก ฉันรู้ดีว่าถึงจะหวงพี่สาวแค่ไหน แต่ว่ามันก็คงจะต้องตามไปดูแลคุณพิณนั่นแหละ

"แล้วเจ้จะไม่ถามผมเลยเหรอ?" ดูมันพูดเข้าสิ

"ถามแล้วจะไปด้วยกันไหมล่ะ?" ฉันถามกลับกวนๆ ทำให้มันยักไหล่เป็นเชิงไม่สนใจ และเป็นคำตอบว่า 'ไม่' เออ แล้วอย่างนี้จะให้ถามทำไมกัน ฉันค้อนให้น้องชายตัวดีไปหนึ่งวง ก่อนที่จะชวนคุณพิณคุยต่อ

น่าแปลกที่ฉันรู้สึกคุยกับคุณพิณได้ถูกคอเสียเหลือเกิน อย่างที่เจ้าเก้งว่าแหละ ฉันกับคุณพิณนิสัยคล้ายๆ กัน เลยคุยกันได้ทุกเรื่อง สนใจอะไรก็เหมือนๆ กัน คืนนั้นเราสองคนจึงคุยกันจนลืมชายหนุ่มที่นั่งกินนู่นกินนี่ไปเลย

"นี่ๆ คุยกันอยู่นั่นแหละ ไม่ไปนอนกันเหรอ พรุ่งนี้เจ้ต้องไปแต่เช้าไม่ใช่เหรอ" เจ้าเก้งพูดขึ้นขัดจังหวะ ฉันรู้ว่ามันง่วงแล้วล่ะ แต่ว่ามันแกล้งฟอร์มเป็นห่วง

"ง่วงก็ไปนอนก่อนสิ ผู้หญิงเค้าจะคุยกัน" ฉันพูดพลางจิ้มหน้าผากมันเบาๆ แต่มันกลับทำหน้ามุ่ยใส่ "โอเคๆ ไปนอนกันเถอะค่ะ เดี๋ยวก็อตซิล่าจะออกอาละวาด"

คุณพิณหัวเราะคิกกับคำพูดของฉัน ทำให้เจ้าเก้งน่ามุ่ยเข้าไปอีก

"กวางกับเก้งรักกันดีนะคะ พิณเองก็อยากมีพี่น้อง เป็นลูกคนเดียวนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลย ไม่มีเพื่อนเล่น ไม่มีคนคอยทะเลาะ"

"งั้นก็แต่งงานมีลูกเอาไว้ทะเลาะ เอาไว้ป่วนเล่นสิคะ" ฉันพูดออกไปโดยที่ไม่รู้อะไร เจ้าเก้งก็ได้แต่เตะขาฉันเป็นเชิงบอกว่าให้หยุดพูด ตอนนี้หน้าคุณพิณไม่สู้ดีเลย

"ไปนอนกันเถอะ ไปพิณ เดี๋ยวผมไปส่ง"

จากนั้นทั้งสองคนก็พากันเดินไปข้างบน ทิ้งให้ฉันนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาด้วยความสงสัย แต่ไม่นานฉันก็สลัดความคิดต่างๆ ไป เพราะคิดว่ายังไงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะต้องใส่ใจ เพราะคุณพิณก็ต้องมีเรื่องที่เป็นเรื่อง 'ส่วนตัว' บ้างเป็นธรรมดา
 
เช้าวันรุ่งขึ้น จิตใจของฉันรู้สึกปลอดโปร่งเป็นอย่างมาก  อาจเป็นเพราะรู้ว่าวันนี้มีสิ่งดีๆ รออยู่ ...วันเกิดน้องลูกหิน...

พวกเราสามคนตั้งใจจะไปทำบุญที่วัดในเชียงใหม่ สาเหตุหนึ่งก็คือน้องลูกหินอยากไปเที่ยวนั่นเอง หลังจากทำบุญแล้วก็จะหาอะไรกิน เที่ยวอีกนิดกะเวลาให้มาถึงที่บ้านประมาณ 5-6 โมงเย็น ซึ่งแม่รับอาสาเป็นแม่ครัวใหญ่ จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้น้องลูกหิน เท่านี้ก็เรียบร้อย

ฉันนัดพี่ดินกับน้องลูกหินให้มารับที่รีสอร์ทเพื่อทานข้าวเช้าดวยกันแล้วออกไปทำบุญ มันคงเป็นวันที่มีความสุขอีกวันนึง เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวให้สวยสุดๆ ไปเลย จะเอาให้ตาค้างทั้งพ่อทั้งลูกไปเลย ฉันคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้นก็เดินลงไปที่ห้องกินข้าว

"โหเจ้กวาง จะไปเดินแบบในป่าเหรอ แต่งตัวซะสวยเลิศเลย" ฉันค้อนให้น้องชายที่แซวเสียหนึ่งที ก่อนที่จะมองหาพ่อลูกคู่นั้น

"ยังไม่มาหรอกคนที่เจ้รอน่ะ"

"แล้วคุณพิณล่ะ" ฉันถามพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ

"อยู่หลังเจ้ไง" เจ้าเก้งพูดพลางหัวเราะร่า

"แหมคุณพิณมาข้างหลังก็ไม่บอก" คุณพิณยิ้มให้ฉันบางๆ กับท่าทีของฉัน

"แต่งตัวซะสวยเชียวกวาง ไปเที่ยวกับแฟนเหรอ?" คำว่า 'แฟน' ทำให้ฉันอดที่จะหน้าแดงไม่ได้ ยังไงก็ไม่ชินกับคำนี้เสียทีสิน่า

ยังไม่ทันจะโต้ตอบอะไร เสียงรถก็แล่นเข้ามา เสียงคุ้นเคยที่ฉันจำได้ทันที ...มาแล้วสินะ ...

คนที่ฉันรอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามพ่อลูกชายตัวดีเข้ามา รู้สึกว่าสองพ่อลูกนั้นจะวิ่งไล่จับกันมา น้องลูกหินมีรอยยิ้มเปรอะเปื้อนเต็มหน้าตาที่แสนจะสดใส

"เพราะเราเลยมาช้า ขอโทษแม่กวางเร็ว" เสียงเขาพูดขึ้น โดยที่ไม่ทันมองฉันหรือว่าใครทั้งนั้น แต่พอวินาทีที่สองพ่อลูกเงยหน้าขึ้นมามอง แววตาของคนทั้งสองก็เบิกกว้างอย่างเห็นได้ชัด แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเด็กน้อย ท่าทางของน้องลูกหินทำให้ฉันยิ้มกว้างอย่างแรง

"แม่เพลง" คำพูดของน้องลูกหินทำให้ฉันตกตะลึง แล้วหันไปมองยังทิศทางที่แกวิ่งไปหา ไม่ช้า แกก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของคุณพิณ วินาทีนั้นฉันรู้สึกเหมือนมีใครเอาค้อนทุบหัว แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น พอมองไปที่พี่ดิน แกก็มองคุณพิณตาไม่กระพริบเหมือนตกตะลึงกับอะไรสักอย่าง แต่ที่แน่ๆ เขาไม่แม้แต่ชายตามาแลฉันเลย....แม้แต่นิดเดียว
 

Enter supporting content here