pue's tales ; tales from pue
My dEar 8
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
ตอนที่ 8

เช้าวันรุ่งขึ้น พี่คีขับรถมาส่งฉันที่รีสอร์ท พี่คีไม่อยากให้ฉันขับรถกลับเพียงลำพัง เขาบอกกับฉันว่าอารมณ์ของฉันตอนนี้ไม่ปกติ การขับรถขึ้นลงเขาจะเป็นอันตรายได้ ถ้าไม่มีสมาธิพอ แม้ว่าฉันจะยืนยันว่าฉันสามารถขับกลับได้อย่างปลอดภัยเหมือนตอนขามาก็ตาม

ระหว่างทางพี่คีไม่ค่อยจะชวนฉันคุยเท่าไหร่ ซึ่งฉันก็นึกขอบคุณอยู่ในใจ เพราะตอนนี้ฉันอยากที่จะนั่งอยู่กับความคิดของตัวเอง ระหว่างทางจึงมีคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคออกมาจากปากของเราสองคน

"ถึงแล้วค่ะ" พี่คีหันมาบอกฉัน ฉันยอมรับว่าไม่รู้สึกตัวเลยว่ามาถึงที่รีสอร์ทตั้งแต่เมื่อไหร่ ชักจะเห็นด้วยกับพี่คีแล้วสิว่าฉันไม่เหมาะที่จะขับรถกลับมาเองเลยจริงๆ เพราะก็คงจะเหม่อคิดนู่คิดนี่ตลอดทาง ไม่มีสมาธิจะขับรถสักเท่าไหร่

"ขอบคุณมากนะคะพี่คี พี่คีแวะก่อนสิคะ นะคะ ไม่แวะถือว่ารังเกียจกวางนะ" ฉันพูดอ้อนแกมง้องอน ทำให้พี่คีอมยิ้มบางๆ แล้วยอมเข้าไปข้างในกับฉัน

ฉันพาพี่คีเข้าไปในส่วนของตัวบ้าน ที่เป็นที่พักของฉันกับแม่ ฉันไม่อยากจะไปยุ่งกับส่วนของลูกค้าเท่าไหร่ พี่คีเดินตามฉํนมาเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ดูเหมือนว่าเขากำลังจะดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่นี่มาก สีหน้าเขาดูเป็นสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันแอบมองหน้าพี่คีอย่างหลงใหล ฉันไม่เคยเห็นพี่คีทำหน้าอย่างนี้มาก่อนเลย

"มองหน้าพี่ทำไมคะ?" พี่คหันมาถามฉันยิ้มๆ ทำให้ฉันหน้าแดงขึ้นมาเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังลักลอบมองเขาอยู่

"คิดอะไรอยู่เหรอคะ?" ฉันไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามกลับ

"ที่นี่สวยจังเลยค่ะ พี่คิดถึงแพรว แพรวคงชอบที่นี่มาก แพรวชอบดอกไม้สีขาวทุกชนิด แล้วก็ยังชอบเมฆสีขาวที่ลอยฟูฟ่องตัดกับสีฟ้าสดของท้องฟ้า..." ฉันเพิ่งสังเกตวันนี้นี่เองว่าเวลาพี่คีพูดถึงคุณแพรว สีหน้าพี่คีจะเป็นสุขมาก และพอเจออะไรที่คุณแพรวชอบ พี่คีก็จะยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ

"จะมีใครรักกวางเหมือนที่พี่คีรักคุณแพรวไหมน้า" ฉันพูดกึ่งล้อเลียนกึ่งตัดพ้อ ทำให้พี่คีหันมามองฉันยิ้มๆ แล้วเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

"ต้องมีสิคะ ใครสักคนที่เกิดมาเพื่อเรา และเราก็เกิดมาเพื่อเขา แม้จะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เราก็มีความสุข"

"ฟังดูโรแมนติกจัง" ฉันยิ้มล้อๆ

"ก็พี่เป็นคนโรแมนติกนี่" พี่คีพูดยกหางตัวเองแล้วก็หัวเราะร่า

ระหว่างที่หัวเราะกันอยู่นั่นเอง สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่คุ้นตาไม่ไกลออกไปนัก และเขากำลังมองมาที่ฉันกับพี่คีด้วยแววตาที่น้อยใจ ฉันรู้สึกชาไปทั้งร่าง มือไม้เริ่มเย็น ท่าทางที่แปลกไปของฉัน ทำให้พี่คีหันไปมองตามสายตาของฉันเมื่อครู่ แล้วก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างบางเบา

"ไปเคลียร์กันให้เข้าใจ ไปเถอะพี่ขอเดินเล่นแถวนี้สักหน่อย แล้วค่อยไปให้เด็กไปเรียกพี่ก็ได้" พี่คีพูดพร้อมกับดันหลังฉันให้เดินก้าวออกไป แต่ตอนนี้เหมือนว่าขาฉันจะก้าวไม่ออก เหมือนมีตะปูมาตรึงขาเอาไว้อยู่กับที่

สายตาของเขาที่จ้องมองมาทางฉันนั้นนิ่ง แต่ก็มีแววตัดพ้ออยู่ในที ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความกล้า... ยังไงก็คงต้องคุยให้รู้เรื่อง (ล่ะมั้ง) ฉันเริ่มก้าวเท้าไปหาเขา โดยที่เขาก็ไม่เดินหนีไปไหน

"สนุกไหม?" เขาถามเสียงเรียบ แต่ก็มีแววประชดประชัน

...ฉันเงียบ...เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป ถึงไม่เป็นการชวนทะเลาะ ก็เล่นถามอย่างนี้ จะให้ตอบยังไง สนุกเหรอ?....

"ทำไมไม่ตอบ แล้วทำไมถึงหลบหน้าพี่ ทำอย่างนี้พี่เป็นห่วงรู้ไหม" เขาเริ่มพูดจาเสียงดังใส่ฉัน ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเราสองคนด้วยความสนใจ

"เราไปคุยกันตรงนู้นดีกว่าไหมคะ" ฉันชี้ไปทางนึง ที่ค่อนข้างลับหูลับตาคนพอสมควร จากนั้นก็เดินนำเขาไป เขาเดินตามมาเงียบๆ แต่ฉันก็รับรู้ได้ถึงรังสีความร้อนของเขาที่แผ่กระจายออกมา

"ตอบคำถามพี่ได้หรือยัง?"

"คำถามไหนล่ะคะ?" ฉันถามกลับไปอย่างกวนๆ เริ่มจะโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน ฉันไม่ชอบคนพูดเสียงดังใส่

"กวาง!!" ดูเหมือนว่าฉันจะทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้น และฉันก็รู้สึกว่าพูดจากันตอนนี้คงพูดไม่รู้เรื่อง

"เอาไว้คุยกันทีหลังดีกว่า ตอนนี้พี่ดินคงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดกับกวางดีๆ"  ฉันพูดแล้วก็กำลังจะเดินจากไป แต่เขาก็คว้าแขนฉัน แล้วตวัดตัวทั้งตัวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขา ก่อนที่จะประกบปากของเขาลงมาอย่างถือสิทธิ์

น่าแปลกที่ฉันไม่ขัดขืนเขาสักนิด ปล่อยให้เขาจูบฉันจนเขาพอใจ เมื่อเห็นฉันไม่ขัดขืนอะไร เขาจึงคลายอารมณ์โกรธลง แล้วค่อยๆ จูบฉันอย่างใจเย็น ก่อนที่จะถอนปากออกมา แล้วกอดฉันไว้แนบอก

"พี่หวงนะ พี่ไม่ชอบใจเลยที่เป็นอย่างนี้ เมื่อวันก่อนกวางโกรธอะไรก็ไม่บอกพี่ หลบหน้าพี่ แถมเมื่อวานก็หายไปทั้งวัน แล้ววันนี้กลับมาพร้อมกับผู้ชายอีกคน จะให้พี่คิดยังไง... แล้วเมื่อวันก่อนกวางไปหาพี่ทำไม หึ แล้วไปแล้วทำไมไม่เข้าไปหา"

"กวางไม่ได้ไปหาสักหน่อย แค่ผ่านไปเลยแวะไป เห็นคุยอยู่กับคุณแบมเลยไม่อยากเข้าไปขัดคอ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ ทำให้พี่ดินหัวเราะในลำคอเบาๆ

"พี่กับแบมไม่ได้มีอะไรกัน ถ้าพี่ชอบแบมพี่ก็คงรับรักเขาไปนานแล้วล่ะ เราเป็นเพื่อนกัน แล้วแบมกำลังจะไปกรุงเทพ เขาเลยมาลา"

"ลาอะไรถึงต้องจับมือถือแขนกันด้วย" ฉันพูดงอนๆ ทำให้คนตรงหน้ายิ่งชอบใจเข้าไปใหญ่

"หึงเหรอ? ถ้าใช่ พี่จะได้ดีใจ"

"คนบ้า" ฉันพูดไปหน้าแดงไป ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น

ในที่สุด เราสองคนก็ดีกันจนได้ ช่างง่ายดายเหลือเกิน และจากการคุยเพียงชั่วครู่ ก็เหมือนกับเป็นการยอมรับกลายๆ ว่า เขากับฉันตกลงที่จะเป็นแฟนกัน ...แหมก็ฉันเล่นยอมให้เขากอด ให้เขาจูบขนาดนั้น ถ้าไม่รู้ว่าฉันคิดยังไงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะ

จากนั้นพี่ดินจึงเดินจูงมือฉันขึ้นบ้านไป พอขึ้นไปบนบ้านก็เห็นพี่คีนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายอกสบายใจ แถมอมยิ้มแบบแปลกๆ เมื่อเห็นเราเดินจูงมือกันขึ้นมาอย่างหวานชื่น

"เข้าใจกันแล้วสิ งั้นพี่ไปก่อนนะกวาง จะไปหาเพื่อนในเมืองหน่อย ที่รออยู่เนี่ยเป็นห่วง กลัวจะปรับความเข้าใจกันไม่ได้" พี่คีพูดยิ้มๆ

"แล้วพี่คีจะกลับยังไงคะ" ฉันถามด้วยความเป็นห่วง

"เมื่อกี้พี่คุยกับคนในรีสอร์ทกวาง เขาบอกว่าจะลงไปในเมือง พี่เลยว่าจะติดรถไปด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ" พี่คีพูดพลางยิ้มสวยๆ ให้ แล้วเขาก็หันไปทางพี่ดิน "ดูแลน้องสาวผมคนนี้ดีๆ นะครับ ถ้าทำให้เสียใจ ผมจะไม่ปล่อยไว้แน่ๆ"

"ผมรับรองครับ" พี่ดินพูดยิ้มๆ ทำให้ฉันต้องก้มหน้าด้วยความเขิน พวกผู้ชายเนี่ย ชอบพูดอะไรกันก็ไม่รู้ บ้าที่สุดเลย
 
หลังจากที่ไปส่งพี่คี ฉันก็มองหน้าคนที่หน้าบานเป็นจานเชิงอย่างอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรยิ้มได้อย่างมีความสุขแบบสุดๆ น่าหยิกนัก

"โอ้ย กวางหยิกพี่ทำไมเนี่ย" เขาคลำแขนตัวเองป้อยๆ ตรงบริเวณที่ฉันจิกนิ้วลงไป

"หมั่นไส้" ฉันบอกเขา พลางทำปากยื่นใส่

"ทำท่าอย่างนี้มันน่าจูบนัก" เขากระซิบที่ข้างหูเบาๆ ทำให้ฉันรู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้าขึ้นมาทันที

...บ้าที่สุด คนอะไรก็ไม่รู้ ดูๆ ก็นิ่งๆ แต่ลามกน่าดูเลย....
 
หลังจากที่เขากับฉันตกลงกันได้ ปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องมาคิดกันคือน้องลูกหิน ฉันเคยบอกแกไปตอนแรกว่าจะไม่มาแย่งพ่อของแก จะไม่มาเป็นแม่ใหม่ แต่ว่าตอนนี้ฉันก็ทำไปแล้ว แต่ทำยังไงได้ ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้เลยสักนิด แต่ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไง นอกเสียจากคุยกันแกให้รู้เรื่อง

"ไม่ต้องกังวลไปหรอก น้องลูกหินรักกวางออกจะตาย ไม่งั้นไม่เรียกว่าแม่หรอก" พี่ดินปลอบฉัน ระหว่างที่เราเดินเล่นกันอยู่ในรีสอร์ท มือของพี่ดินไม่ยอมปล่อยมือฉันให้ห่างเลย

"แต่ว่า... กวางเคยบอกแกเอาไว้ว่ากวางมีคนที่รักอยู่แล้ว จะไม่มายุ่งกับพี่ดิน จะไม่มาเป็นแม่ใหม่แก" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

"เอาน่า แล้วเราจะช่วยกันพูดนะ" พี่ดินยิ้มปลอบใจฉัน ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาบ้าง

"ค่ะ"
 
ตอนบ่ายหลังจากที่ทานข้าวกลางวันเรียบร้อย พี่ดินก็กลับไปที่ไร่ ความจริงเขาก็ชวนฉันไป แต่ว่าฉันอยากจะช่วยงานแม่ตรงนี้มากกว่า ก็เล่นเบี้ยวงานไปหลายวัน แต่ก็เอาเถอะ มีข่าวดีมาบอกแม่นี่นา แม่คงดีใจแหละ ที่ฉันกับพี่ดินลงเอยกันได้ ให้ตายสิ ฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องมาติดบ่วงแม่แบบถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้มาก่อนเลย แต่จะทำยังได้ล่ะ...  ยังไงฉันก็ไม่ควรหนีมัน จริงไหม?
 
ฉันกับพี่ดินตกลงกันว่าจะไม่พูดกับน้องลูกหินตรงๆ แต่จะค่อยๆ ทำให้แกคุ้นเคย พี่ดินบอกว่าลูกหินรักแม่ของแกมาก แล้วก็ติดแม่เสียเหลือเกิน แกคงไม่ให้ใครมาแทนที่ง่ายๆ
 
"แล้วทำไมตาลูกหินถึงยอมเรียกกวางว่าแม่ล่ะคะ" ฉันถามเพื่อให้คลายความสงสัย
 
"แกรักกวางนะ แกชอบพูดกับพี่บ่อยๆ ว่า อีกหน่อยแม่เพลงกลับมา เราก็อยู่ด้วยกัน 4 คน มีลูกหิน พ่อดิน แม่เพลง แล้วก็แม่กวาง แกไม่รู้หรอกว่ามันเป็นไปไม่ได้"

.....ใช่ มันจะเป็นไปได้ได้ยังไง ในเมื่อฉันกับคุณเพลงไม่สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันได้ และถ้าให้น้องลูกหินเลือก ฉันเชื่อว่าน้องลูกหินก็ต้องเลือกแม่แท้ๆ ของตัวเองอยู่แล้ว แล้วนี่ถ้าน้องลูกหินรู้ถึงหลักข้อนี้ขึ้นมา แกจะทำยังไงกับฉัน

"พอแกโตขึ้นแล้วแกจะเข้าใจเอง" พี่ดินลูบหัวฉันเบาๆ ทำให้ฉันคลายยิ้มออกมาได้บ้างนิดนึง
 
ดังนั้นช่วงนี้ฉันกับสองพ่อลูก จึงอยู่ด้วยกันมากเป็นพิเศษ ตอนนี้เราเลยกลายเป็นพ่อแม่ลูกด้วยความเต็มใจของฉัน ไม่กระอักกระอ่วนอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว เพราะความรักทีเดียวที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ส่วนแม่ฉันน่ะเหรอ ยิ้มแก้มปริเลยทีเดียวล่ะเมื่อรู้เรื่อง

'แม่คิดแล้วว่าดินกับกวางจะต้องลงเอยกัน'
 แม่พูดประโยคนี้เมื่อรู้เรื่อง ฉันเลยแอบค้อนไปหนึ่งที แต่ก็เอาเถอะ คราวนี้ยกให้สักครั้ง
 
เวลา 1 อาทิตย์ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อวานแม็กซ์ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะขึ้นมาเอาคำตอบ ความจริงฉันตั้งใจจะโทรไปพูดบอกคำตอบที่ไม่น่าฟังสำหรับแม็กซ์ แต่ว่าแม็กซ์ไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น ยืนยันว่าจะขอขึ้นมาฟัง...จากปากของฉัน

ฉันเล่าเรื่องนี้ให้พี่ดินฟัง พี่ดินก็พูดให้กำลังใจฉัน พร้อมบอกว่า 'เรื่องของความรักมันห้ามกันไม่ได้ แม็กซ์คงเข้าใจ' ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แม้ว่าวันนี้แม็กซ์จะเสียใจ แต่สักวันมันก็ต้องเจอกคนใหม่ บางทีทางนี้คงเป็นทางที่ดีของฉันกับแม็กซ์ ฉันรู้สึกว่าที่ผ่านมาฉันเห็นแก่ตัวมาก ที่ทำกับแม็กซ์เหมือนกับให้ความหวังให้รอไปเรื่อยๆ ทำให้มันไม่มีใครใหม่สักที ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องปล่อยมันไปเสียที ฉันอาจจะเหงา ฉันอาจจะเศร้า แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะเก็บแม็กซ์เอาไว้ ในเมื่อฉันก็มีพี่ดินอยู่ข้างๆ กายอยู่แล้ว

จะว่าไปที่ผ่านมา แม็กซ์ไม่เคยมีสักทีที่จะรุกฉันแบบพี่ดิน แม็กซ์จะเว้นที่ว่างไม่ให้ฉันรู้สึกอึดอัด นี่คงเป็นสาเหตุที่ฉันไม่เคยขับไล่ไสส่งแม็กซ์เลยสักครั้ง แต่กลับรู้สึกดีที่มีมันอยู่ข้างๆ กาย

"กวาง กวางครับ" เสียงพี่ดินเรียกฉัน ทำให้ฉันหันไปมองด้วยหน้าตาที่คงจะเหรอหราน่าดู

"พี่เรียกตั้งนานแล้วนะครับ คิดอะไรอยู่" พี่ดินพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจเล็กน้อย

"นิดหน่อยน่ะค่ะ" ฉันตอบพลางยิ้มฝืดๆ ไปให้

"เรื่องแม็กซ์ใช่ไหม?" ฉันมองหน้าพี่ดินแล้วพยักหน้าแทนคำตอบ

"สงสารได้ เป็นห่วงได้ แต่ห้ามใจอ่อนรู้ไหม กวางมีพี่อยู่ทั้งคน พี่ไม่ยกกวางให้ใครหรอกนะ" คำพูดยาวๆ ของพี่ดินทำให้ฉันยิ้มได้ ฉันเอียงหัวไปซบกับไหล่พี่ดิน

"กวางไม่นอกใจหรอกค่ะ มีแต่พี่ดินน่ะแหละ"

"พี่ก็มีแต่กวางคนเดียวแหละครับ" เขาพูดพลางเอื้อมมือมากอดไหล่ฉันเอาไว้

.....ขอโทษนะแม็กซ์ แต่ฉันตอบแทนความรู้สึกของแกไม่ได้จริงๆ......
 

บรรยากาศของร้านอาหารริมแม่น้ำยามค่ำคืนตอนนี้เงียบสงัด ไม่มีเสียงใดๆ รบกวน อาจจะเป็นเพราะโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่มันอยู่ไกลจากผู้คนพอสมควร ร้านอาหารนี้ก็ค่อนข้างเป็นร้านที่เงียบๆ ไม่ค่อยเสียงดัง และที่สำคัญก็คือ บทสนทนาที่ฉันกับแม็กซ์คุยเมื่อครู่ ทำให้บรรยากาศที่เงียบอยู่แล้วเงียบกว่าที่เคย

"เรายังเป็นเพื่อนกันใช่ไหม?" ฉันถามแม็กซ์ที่เอาแต่นั่งมองออกไปทางแม่น้ำ

"....." เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับจากแม็กซ์

"แม็กซ์" ฉันเรียกซ้ำอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมฟังอะไรเลย

"ที่นี่สวยเนอะ บรรยากาศก็ดี เหมาะสำหรับคนรักกัน" แม็กซ์พูดขึ้นมาราวกับว่าไม่ได้ฟังฉันเลย "ทำไมเราถึงไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะกวาง เราน่าจะได้คบกันตั้งนานแล้ว ถ้าวันนั้นฉันไม่ประชดแกไปคบกับปิ่น เรื่องมันจะเป็นอย่างนี้ไหม"

คำพูดของแม็กซ์ทำให้ฉันหายใจได้อย่างไม่ทั่วท้อง ใช่ว่าฉันไม่เคยคิดถึงข้อนี้ ฉันเคยคิดว่าถ้าแม็กซ์ไม่ได้คบกับปิ่น แต่มาคบกับฉัน ทุกวันนี้เราสองคนจะเป็นยังไง

"ไม่ต้องร้องหรอกกวาง ฉันเข้าใจ..." ปกติแล้วแม็กซ์จะเป็นคนเข้มแข็งอยู่เสมอ แต่คราวนี้แม็กซ์กลับดูอ่อนแรงอย่างประหลาด "...อีกประมาณ 2 เดือนฉันคงไปเยอรมันแล้วนะ แกก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ช่วงนี้ฉันคงยุ่งๆ คงไม่ค่อยได้ติดต่อมา"

"จะไปวันไหนโทรมาบอกด้วยแล้วกันจะไปส่ง" ฉันพูดเสียงเบาลง ใจหายอยู่ไม่น้อย

"ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจ ส่งกันตรงนี้แล้วล่ะกัน เรียกเขาเก็บเงินเถอะ" แม็กซ์พูดพลางเรียกเด็กมาเก็บเงิน

ตอนที่แม็กซ์บอกว่าไม่เป็นไร ตัวฉันมันโคลงๆ เหมือนพื้นสั่นยังไงก็ไม่รู้ นี่มันคิดจะตัดฉันไปเลยใช่ไหม
 
"แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน วันนี้ฉันจองโรงแรมในเมืองเอาไว้แล้ว" พอฟังแม็กซ์พูด ฉันก็ได้แต่นิ่งเงียบ

"ลาก่อนนะกวาง" แม็กซ์พูดเบาๆ แล้วก็หันหลังเดินออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามองหน้าฉันอีกเลย วินาทีนั้นฉันอยากจะวิ่งไปดึงแม็กซ์เอาไว้ ไม่ให้มันไป ให้มันยังอยู่ข้างๆ ฉัน แต่ฉันก็ได้แต่กำมือนั้นเอาไว้แน่น น้ำตาใสๆ หล่นลงมาจากตาทั้งสองข้าง ตอนนี้ขาฉันไม่มีแรงเลย ในที่สุดฉันก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น

แม็กซ์... ผู้ชายคนที่อยู่ข้างฉันมานาน วันนี้อยู่ดีๆ เขาจะเดินจากฉันไป เขาก็ทำได้ง่ายเหมือนกับทิ้งอะไรออกไป แต่ทุกอย่างก็เป็นเพราะฉันเอง

"อย่าร้องสิ ดูสิหน้าตาดูไม่ได้เรื่องเลย หน้าตาตลกชะมัด" เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ ฉันเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ก่อนที่จะโผเข้าหา

"ฉันขอโทษแม็กซ์ ฉันขอโทษ" ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดมัน นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ฉันร้องไห้กับอกนี้ แต่นี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่มันหันกลับมามองฉัน แล้วก็กอดฉันอย่างนี้แล้วใช่ไหม

"ไม่ต้องขอโทษหรอก แกไม่ผิด" มันลูบหัวฉันเบาๆ ฉันรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลลงมาที่ไหล่ของฉัน แม็กซ์กำลังร้องไห้ ร้องเหมือนกับที่ฉันร้อง

"ขับรถไหวไหม? เรียกให้ 'เขา' มารับไหม เดี๋ยวรอเป็นเพื่อน" แม็กซ์ถามเบาๆ ฉันอยากจะถามเหลือเกินว่ามันคงลำบากมันมากใช่ไหม ถ้ามันจะไปกับฉัน แต่ก็ได้แต่กลืนคำพูดเอาไว้

"ไม่เป็นไร ฉันขับกลับเองได้"

"ไหวนะ" แม็กซ์พูดพลางเช็ดน้ำตาให้ ฉันพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะลุกขึ้น

"ขอไปส่งที่สนามบิน ตอนจะไปนะ" ฉันพูดกับมันอย่างอ้อนวอน

"อย่าเลย... ฉันกลัวเห็นหน้าแกแล้วยิ่งเฮิร์ทว่ะ เอาไว้รอฉันกลับพร้อมสาวสวยแล้วค่อยมารับแล้วกัน" แม็กซ์พูดติดตลก ทำให้ฉันหัวเราะออกมา

"ใครจะเอาแก" ฉันพูดกับมันเบาๆ ทำให้มันยิ้มออกมาได้นิดหน่อย

"ไม่รู้เหรอ ฉันน่ะเนื้อหอมมากกกกกกกกกกกกเลยนะ ขนาดถ้าเอามาเข้าแถวกัน จะยาวไปถึงมาเลย์เลย.... แต่อยู่ตรงพรมแดนไทยมาเลย์นะ" พูดจบมันก็ขำออกมา

"บ้า" เราสองคนขำกันเบาๆ ก่อนที่แม็กซ์จะส่งฉันขึ้นรถ ตอนที่ฉันขับรถออกมา ฉันมองไปทางกระจกหลังก็ยังเห็นแม็กซ์ยืนอยู่ที่เดิม มองรถฉันขับห่างออกไป ชีวิตจริงก็คงเป็นคล้ายๆ อย่างนี้สินะ มันก็ยังยืนอยู่ที่เดิม แต่เป็นฉันเองที่เดินห่างออกมา จนทำให้มันจะต้องหันหลังเดินไปตามทางของมัน
 
หลังจากมาถึงรีสอร์ท ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเอารูปเก่าๆ มานั่งดู รูปเมื่อตอนสมัยมัธยม รูปตอนไปเที่ยวด้วยกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย รูปตอนรับปริญญา ฉันมีรูปคู่มันเยอะเหมือนกัน ชีวิตของฉันกับแม็กซ์เคยเดินร่วมทางกันไป แต่วันนี้กลับต้องแยกกันไปตามทางของแต่ละคน

ฉันจำได้มีอยู่ครั้งนึงที่ฉันกับปิ่นโดนพวกเด็กโรงเรียนอื่นแซวแล้วเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ก็ได้แม็กซ์เนี่ยแหละเข้ามาช่วยเอาไว้ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว สามารถล้มคนได้ถึง 5 คน แต่ก็อย่างว่าแหละ มันเป็นทั้งมวยไทย คาราเต้ เทควันโด ใครอาจหาญไปสู้มันก็บ้าแล้ว

มีอยู่ครั้งนึงฉันขาแพลง ก็ได้แม็กซ์เนี่ยแหละ คอยขี่มอเตอร์ไซด์มารับมาส่งที่บ้าน มันบอกกับใครๆ ว่าเป็นทางผ่าน ทำให้ฉันประทับใจมันมาก เพราะแม้มันจะเป็นทางผ่าน แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องแวะมารับฉัน แม้ว่ามันจะปากเสีย หรือขี้บ่นไปบ้าง แต่ถ้าฉันต้องการ มันก็จะมาหาฉันเสมอ สิ่งเดียวที่มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ก็คือการที่มันไปเป็นแฟนกับปิ่น แม้ว่าฉันจะเป็นแม่สื่อเองก็ตาม แต่มันก็ทำให้ฉันเศร้าไปพอสมควรเลยทีเดียว

ฉันนั่งคิดนู่นคิดนี่ไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น พี่ดินนี่เอง ฉันมองโทรศัพท์อย่างชั่งใจว่าจะรับดีไหม เพราะกำลังอยากอยู่ในห้วงเวลาในอดีต แต่ในที่สุด ฉันก็ตัดสินใจรับ

"ค่ะ" ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

"กลับถึงรีสอร์ทหรือยัง?" เขาถามด้วยความห่วงใย

"ถึงแล้วค่ะ กำลังจะโทรหาพอดีเลย" ฉันพูดแก้ตัวออกไป ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่มีอารมณ์จะโทรหาเขาเลย

"พี่ก็เป็นห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับ"

"ค่ะ เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" ฉันพูดเสียงใส ทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างโล่งอก ฉันพูดกับเขาอีก 2-3 ประโยคก็วางสาย เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว อีกอย่าง ฉันรู้ว่าพี่ดินไม่ใช่เป็นคนชอบคุยโทรศัพท์สักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นหากเขาโทรมาหา ก็เป็นเพราะมีธุระ หรือว่าห่วงจริงๆ
 

หลังจากวันนั้นฉันก็ขาดการติดต่อกับแม็กซ์ไปโดยปริยาย ฉันเองก็ไม่กล้าโทรไป ส่วนแม็กซ์เองก็ไม่เคยโทรมา ข้อความที่ส่งมาอย่างน้อยวันละครั้งก็หายไป แต่ชีวิตของฉันก็ถูกทดแทนด้วยพี่ดิน... ผู้ชายที่ฉันเลือก

"แม่กวางครับ เราไปเที่ยวเชียงใหม่กันไหมครับ พอดีพ่อดินจะไปทำธุระ เราก็ไปเที่ยวกัน นะครับ" น้องลูกหินพูดพลางกอดฉันอย่างเอาใจ

"เอาสิจ๊ะ เดี๋ยวแม่บอกยายก่อนนะ" ฉันอุ้มน้องลูกหินขึ้นมาแล้วก็จูบลงที่แก้มเบาๆ

นี่แหละค่ะชีวิตที่ราบเรียบของฉัน ตื่นเช้ามาดูแลรีสอร์ท ทำนู่นทำนี่สักพัก พอตอนเย็นก็จะมีคนมาฝากทองด้วยสองท้อง อ้อ ตอนนี้ฉันทำกับข้าวเป็นแล้วนะ แม่เป็นคนสอน แม่บอกว่าอีกหน่อยแต่งงานไป คนอื่นจะได้ว่าแม่ไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้นอกจากอาหารตระกูลไข่แล้ว ฉันยังทำแกงจืด ผัดผัก มักกะโรนี ข้าวผัด ได้บ้างแล้ว แม่บอกว่าต่อไปจะสอนทำน้ำพริก อาหารเหนือจำพวกไส้อั่ว และอื่นๆ อีกมากมายให้ฉัน อาหารที่ทานตอนเย็น จึงเป็นฝีมือฉันล้วนๆ ตอนเย็นจึงเป็นการตัดสินโชคชะตาของฉันว่าฝีมือดีขึ้นหรือเปล่า โดยมีสองพ่อลูกเป็นกรรมการให้คะแนน หรือไม่บางทีก็คนงานบางคนที่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงตาย

"อร่อยจังเลยครับแม่กวาง เอาอีกได้ไหมครับ" ตาลูกหินพูดเสียงใส เล่นเอาฉันยิ้มแก้มปริ

"เอาสิครับ แล้วคุณพ่อล่ะคะ" ฉันถามคนตัวโตที่นั่งกินอย่างน่าจะเอร็ดอร่อย

"เอาสิครับ อร่อยขนาดนี้ อยากจะกินอย่างนี้ทุกมื้อแล้วสิเนอะลูกหิน ไปอยู่บ้านพี่แล้วทำให้พี่กับลูกหินกินกันทั้งเช้ากลางวันดีไหม ว่าไงครับลูกหิน?" เขาพูดพลางส่งตายตาที่มีความหมายมาให้

"ดีครับ" น้องลูกหินตอบรับโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ฉันเลยค้อนคนตัวโตเสียหนึ่งวง

ยังหรอกตอนนี้ ถ้าจะคิดอะไรถึงขั้นนั้นมันเร็วไป แค่ตอนนี้มีกันอย่างนี้ก็มีความสุขดี ไม่มีอะไรมาทำให้ต้องปวดร้าว หรือต้องคิดมาก
 

เรื่องของฉันก็เป็นประมาณนี้อยู่ประมาณ 2 เดือน จนกระทั่งวันหนึ่งยัยปิ่นก็โทรมาบอกว่าแม็กซ์จะบินวันพรุ่งนี้แล้ว ใจฉันมันรู้สึกหวิวๆ ยังไงบอกไม่ถูก เหมือนตอนที่ยัยปิ่นไปเรียนต่อไม่มีผิด แต่ก็นั่นแหละ ยัยปิ่นไปมันมีกำหนดกลับ แต่แม็กซ์ไปแบบไม่มีกำหนดกลับ อย่างนี้มันน่าใจหายกว่าจริงไหม

ฉันทำใจกล้าโทรไปหาแม็กซ์ ฉันนั่งเต้นใจตึกตักฟังเสียงสัญญาณ ก่อนที่สายจะถูกตัดไป แต่ฉันก็ไม่ละความพยายาม อย่างน้อยฉันก็อยากจะคุยกับแม็กซ์ ก่อนที่มันจะจากไปไกล ก่อนที่จะไม่ได้ยืนอยู่ประเทศเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะเพียรพยายามโทรเท่าไหร่แม็กซ์ก็ไม่รับโทรศัพท์ จนฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันต้องไม่รับสายฉัน ฉันล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสะอึกสะอื้น แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะความเศร้าและน้อยใจ

"กระหน่ำโทรมามีอะไร อาบน้ำอยู่" เสียงแม็กซ์พูดขึ้นมา ทำให้ฉันยิ้มขึ้นได้

"นึกว่าแกจะไม่รับโทรศัพท์ฉันเสียแล้ว" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ

"บ้าน่ะสิ รู้จากปิ่นใช่ไหมว่าฉันจะไปพรุ่งนี้" เสียงมันดูเหมือนเดิม หรือว่ามันจะทำใจได้แล้ว

"อื้ม เดินทางดีๆ ล่ะ"

"รู้แล้ว แค่นี้ก่อนนะ ยังจัดกระเป๋าไม่เสร็จเลย ขอบใจนะที่โทรมา"

 หลังจากที่วางสายจากแม็กซ์ ฉันก็พอมีรอยยิ้มขึ้นมาได้บ้าง แม้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว แต่ฉันก็หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายและกลับเป็นเหมือนเดิม เมื่อวันเวลาได้เลยผ่านไป แล้ววันนั้น ฉันกับมัน ก็คงจะเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันเหมือนเดิม เป็นเพื่อนที่จะคบกันไปจนวันตาย...
 

Enter supporting content here