pue's tales ; tales from pue
My dEar 6
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
ตอนที่ 6

ไอ้กวาง แกมันบ้า...บ้าที่สุด ให้ตายสิ ฉันด่าตัวเองอย่างนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองบ้าน้อยลงเลย ฉันจูบกับฉัน โอ้ พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร และพระอรหันต์องค์อื่นๆ ช่วยชี้แจงให้ฉันเห็นดวงตาเห็นธรรมด้วยเถอะว่าฉันควรทำเช่นไรดี  ให้ตายสิ ฉันอยากจะบรรลุโสดาบันนับตั้งแต่วินาทีนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องบ้าๆ อีก โอ้...นี่ฉันทำอะไรลงไป

"กวาง กวาง เป็นอะไรไป เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ได้ มาติดกิ๊บให้ฉันหน่อย" ยัยปิ่นพูดพลางมองฉันแปลกๆ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เป็นวันนี้วันหมั้นของของมันฉันจะฆ่ามันโทษฐานพูดจาไม่เข้าหู ตอนนี้ใครมากวนประสาทแม้เพียงนิดเดียว ฉันพร้อมที่จะฆ่าได้เสมอ

"โอ้ย กวางเบาๆ" ยัยปิ่นร้องโวยวายเสียงดัง เมื่อฉันติดกิ๊บให้มันด้วยอารมณ์ฮาร์ดคอร์ อิจฉามันโว้ย มีความสุขอยู่คนเดียว ฉันนี่สิ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ หมั่นไส้ พาลๆ

"กวางแกเป็นอะไรวะ" ปิ่นหันมามองหน้าฉันที่ตอนนี้คงจะบูดเบี้ยวเต็มทีอย่างงงๆ แต่อย่าว่าแต่ไอ้ปิ่นงงเลย ฉันก็งงตัวเองเหมือนกัน

"เปล่า" ปากบอกว่าเปล่า แต่ฉันก็รู้ว่าหน้าฉันมันฟ้องไปไหนถึงไหนแล้ว

"แกมีเรื่องอะไรทำไมไม่บอก เป็นอย่างนี้อีกแล้วนะ ชอบเก็บเอาไว้คนเดียว แกไม่ได้อยู่บนโลกคนเดียวนะกวาง... แกยังมีฉัน" ยัยปิ่นบ่นยาวเป็นหางว่าว ฉันมองหน้ามันพลางตัดสินใจว่าจะเล่าดีหรือเปล่า

"แม่กวาง" ในจังหวะที่ฉันกับปิ่นมองหน้าฉันอย่างกระอักกระอ่วนลูกหินก็วิ่งตรงเข้ามาหาฉัน แล้วก็กอดฉันเสียแน่น แต่เอ... ถ้าน้องลูกหินมา เขาก็ต้องมาด้วยน่ะสิ ตายล่ะ นี่ฉันจะทำหน้ายังไงดี ไม่นะ...ฉันคิดพลางก้มหน้าก้มตา แต่พอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินก้าวเข้ามา ฉันก็หันไปมองประตู ความรู้สึกแปลกๆ เข้าจู่โจมฉันทันที ทำไมนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องทำหน้าไม่ถูก ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องเขินอาย แต่ทำไมในใจลึกๆ ของฉันถึงอยากจะเจอหน้าเขา

...โอ ไม่นะกวาง แกอย่าทำอย่างนี้ ถ้าแกคิดถึงเขาวันนี้ พรุ่งนี้แกก็อาจจะรักเขาก็ได้ และในที่สุด แผนการคลุมถุงชนของแม่ก็จะเป็นจริง ไม่นะๆ ... คิดไปก็เขกหัวตัวเองไป บ้าจริงเชียวยัยกวาง

"คุณพ่อไปไหนเหรอครับน้องลูกหิน" เสียงที่ถามไม่ใช่เสียงฉันหรอกนะ เป็นเสียงยัยกวางมัน ตอนนี้ฉันแทบไม่กล้าแม้แต่เอ่ยชื่อเขาด้วยซ้ำไป กลัวมีอาการแปลกๆ เหมือนกับหัวใจของฉันที่เริ่มเต้นผิดจังหวะ

"คุณพ่อรออยู่ข้างนอกครับ พี่สาวคนนึงพาลูกหินเข้ามา " ฉันพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ นั่นสินะ เขาจะเข้ามาได้ยังไง นี่มันห้องแต่งตัวฝ่ายหญิงนี่นา บ้าจริงๆ เลยฉัน

"ไอ้ปิ่นได้เวลาแล้ว พร้อมหรือยังวะ" เสียงไอ้โบเพื่อนตั้งแต่มัธยมที่สละโสดไปตั้งแต่จบม.6 วิ่งตึงๆ พร้อมกับตะโกนบอกพวกเรา ไอ้ตายสิไอ้โบเนี่ยลูกหนึ่งแล้วยังทำตัวเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด

"เออรู้แล้ว" ฉันตะโกนกลับไปแทนปิ่นที่ตอนนี้ดูตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก

"ฉันจะทำอะไรเป๋อๆ ไหมอ่ะกวาง" ปิ่นพูดพร้อมกับจับมือฉันแน่น ตอนนี้ฉันอดขำยัยปิ่นไม่ได้ เพราะมันตื่นเต้นจนมือเย็นเชียบเลยทีเดียว

"ถึงแกจะสะดุดผ้าถุงจนผ้าหลุดพี่ภูเขาก็ยังหมั้นกับแกน่า ไปเถอะ เดี๋ยวเสียฤกษ์" ฉันบีบมือมันเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ ฉันอดดีใจกับมันไม่ได้จริงๆ เพื่อนฉันกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว อย่างน้อยก็ครึ่งตัวแหละน่า

คำพูดของฉันทำปิ่นค้อนเสียวงใหญ่ ก่อนที่พวกเราจะเดินลงไปข้างล่างพร้อมกัน
 

งานหมั้นของยัยปิ่นดำเนินไปอย่างราบรื่น ยัยปิ่นไม่ซุ่มซ่ามเดินสะดุดอะไรแม้แต่น้อย ใบหน้าขาวๆ ของมันมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลา ฉันยอมรับเลยว่ามันนี้มันสวยและสดใสกว่าทุกวัน ฉันรู้สึกอิจฉามันเล็กๆ ที่มันมีคนที่มันรัก และเขาก็รักมันอย่างจริงใจ

ยัยปิ่นผ่านพ้นงานนี้ไปได้ด้วยดี แต่ฉันนี่สิ ต้องมาเผชิญสิ่งที่ฉันกลัวอยู่ เพราะตั้งแต่ฉันเจอพี่ดิน เขาก็ไม่ยอมอยู่ห่างฉันเลย เราสามคนเลยอยู่ด้วยกันเหมือนสามคนพ่อแม่ลูก แถมมีเพื่อนๆ เข้าใจผิดว่าฉันแอบไปแต่งงานโดยที่ไม่บอกด้วยสิ คิดแล้วก็โมโหชะมัด

"เป็นอะไรหน้ามุ่ยเชียว"  เขากระซิบเสียงนุ่มพอให้ได้ยินกันสองคน ตอนนี้น้องลูกหินถูกเพื่อนๆ ของฉันลวงล่อด้วยขนมพาไปเล่นที่อื่นแล้ว ไอ้พวกแพ้เด็กก็อย่างนี้ เห็นแล้วต้องเอาไปเล่น

"พี่ดินอย่างยื่นหน้ามาใกล้ๆ สิคะ" ฉันพูดพลางเขยิบหน้าออกไปห่างๆ จะไม่ให้ฉันรู้สึกอะไรมันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่เขาคงไม่คิดอะไรเลยใช่ไหม แต่นั่นเป็นจูบแรกของฉันเชียวนะ

ทั้งๆ ที่ฉันทำหน้าบูด แถมยังทำเสียงไม่พอใจใส่ แต่เขาก็ยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี สงสัยต่อมอะไรคงพังไปแน่ๆ เลย ถึงได้ดูอารมณ์ดีอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อวานยังทำหน้าบูดงอนฉันอยู่เลย

"ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย" เขาพูดหน้าตาย ทำให้ฉันรู้สึกโมโหนิดๆ

"เป็นสิ" ฉันพูดอย่างไม่พอใจ แต่ดูเหมือนว่าฉันจะโมโหอยู่ฝ่ายเดียว เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนว่ายิ่งฉันเถียงหน้าดำหน้าแดง เขายิ่งอารมณ์ดีมากขึ้น โรคจิตชะมัด

และในจังหวะที่ฉันกำลังคุย (ความจริงเถียง) กับพี่ดินอยู่ ฉันก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่นึงกำลังจ้องมองมาทางฉัน พอฉันหันไปทางสายตาคู่นั้น ฉันก็เจอกับสายตาของแม็กซ์ที่มองมาแปลกๆ ราวกับต่อว่าฉันในใจ แต่จะให้ฉันทำยังไงในเมื่อเรื่องของฉันมันแม็กซ์มันสายไปแล้ว สายไปเป็นสิบปีเลยล่ะ

"กวางลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่" ฉันเผลอแป๊บเดียว แม็กซ์ก็เดินมาหาฉัน แล้วก็ถามฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย แต่ฉันสิเกร็งไปหมดทั้งตัว ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน แล้วฉันจะสามารถรับไม้แบบไม่ให้หล่นได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

"วันพุธ" ฉันพยายามพูดให้ดูเหมือนปกติที่สุด แต่มันจะได้แค่ไหน ก็สุดแล้วแต่สวรรค์จะโปรดก็แล้วกัน

"แล้วจะอยู่ต่ออีกกี่วัน" แม็กซ์ถามโดยที่มองหน้าฉันเพียงคนเดียว และไม่สนใจผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันเลยแม้แต่น้อย

"สักอาทิตย์นึงมั้ง พ่อเขาคิดถึงอยากให้อยู่นานๆ" ฉันสังเกตว่าแม็กซ์ก็ดูเกร็งๆ ไม่แพ้กับฉัน บทสนทนาของเราจึงดูเหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกัน ไม่ใช่คนที่เป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปี

แม็กซ์มองหน้าฉันอย่างชั่งใจ สายตาเหลือบไปมองพี่ดินที่ยืนเงียบๆ อย่างรู้บท ก่อนที่จะอ้าปากพูดออกมา

"พรุ่งนี้....."

"กวาง พรุ่งนี้ไปกินข้าวกับพี่นะ อ๊ะ อย่าเบี้ยวนะ สัญญากันไว้แล้ว" พี่คีมาจากไหนก็ไม่รู้ พูดเอาๆ เล่นเอาคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหวอไปเลยทีเดียว ส่วนแม็กซ์พอตั้งสติได้ก็มองพี่คีตาขวางเลย

"พวกเสือผู้หญิงน่ะถอยไปห่างๆ เลย กวางมันไม่ใช่กระต่ายน้อยให้แกเคี้ยวหรอกน่า เลิกยุ่งกับกวางซะที" เอาแล้วไง คู่นี้เริ่มที่จะปะทะคารมกันอีกแล้ว น่าจัดเวทีมวยให้จริงๆ คงเป็นคู่ที่มันมากคู่นึงเลยทีเดียว

ฉันขอนั่งยันนอนยันเลยว่านี่เป็นเหตุการณ์ปกติธรรมดา เวลาที่คู่นี้เจอกันจะเถียงกันประจำ แต่เปล่านะ สองคนนี้เขาไม่ได้ทะเลาะกันเพราะฉันหรอก ฉันไม่มีสเน่ห์พอจะทำให้สองคนนี้เขาทะเลาะกันจนเท้าก็ยังไม่มองกันอย่างนี้หรอก เขาสองคน ไม่สิ ต้องบอกพวกเขาหลายๆ คน ไม่ถูกกันตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ทั้งสองคนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่คนละคณะ กลุ่มพี่คีกับกลุ่มแม็กซ์ไม่ถูกกันก็เพราะเพื่อนของแม็กซ์เคยเป็นแฟนกับพี่ภู คู่หมั้นยัยปิ่นนั่นแหละ แต่สุดท้ายพี่ภูก็บอกเลิกอย่างไม่ไยดี แม็กซ์เลยไม่พอใจมาก ความรู้สึกของแม็กซ์คงประมาณว่า 'ได้แล้วทิ้ง'  เพื่อนของแม็กซ์ก็ร้องไห้ใหญ่โต ด้วยความที่แม็กซ์เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วก็ไปเอาเรื่องกับกลุ่มพี่คีกับพี่ภู สุดท้ายก็วางมวยกันไปตามระเบียบ ตอนที่แม็กซ์รู้ว่ายัยปิ่นกับพี่ภูคบกันมันก็ฟาดหัวฟาดหางแทบตาย

"พอเถอะค่ะ ถ้าจะเถียงกันก็ไปเถียงกันที่อื่น ที่ที่ไม่ใช่ในงานหมั้นเพื่อนอย่างนี้" ฉันพูดเสียงแข็งนิดๆ งานมงคลแท้ๆ ยังหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ได้ พี่คีก็นะ รู้อยู่ว่าแม็กซ์มันเป็นคนใจร้อนขี้โมโห แต่ก็ชอบไปแหย่อยู่ได้ ไม่รู้ว่ามีความสุขมากไหมเวลาเห็นแม็กซ์อารมณ์เสียเนี่ย

ฉันพูดจบก็มองหน้าสองคนนั้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง ไปหาน้องลูกหินดีกว่าอยู่กับคนที่ชอบเถียงกัน ไม่ไหวเลยแต่ละคน ส่วนอีตาพี่ดินน่ะเหรอคะ เงียบมาตลอดนั่นแหละ แต่พอฉันเดินออกมา เขาก็เดินตามติดๆ อมยิ้มแก้มตุ่ยอะไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งเขาเดินมาเคียงกับฉันนั่นแหละเขาถึงยอมเปิดปากบอกสิ่งที่เขาคิดออกมา

"นอกจากปากหวานแล้วกวางยังเนื้อหอมอีกนะ" พี่ดินกระซิบที่ข้างหูฉันเบาๆ เล่นเอาหน้าฉันแดงแปร๊ดเหมือนสัญญาณไฟจราจรเลย คนบ้า พูดออกมาได้ไม่อายปาก

"อย่าหน้าแดงอย่างนี้สิ เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหวจูบกลางสาธารณชนเลยนะ" เขาพูดพร้อมสายตากรุ้มกริ่ม ให้ตายสิ... หน้าของเขาทำด้วยอะไรเนี่ย

"บ้า บ้าที่สุดเลย" ฉันว่าเขาจบก็เดินปึงปังไป คนอะไรไม่รู้ บ้าๆๆๆ พูดมาได้ยังไง ให้ตายสิ
 

เวลาบทมันจะช้าก็ช้าเสียจนเราแทบทนไม่ได้ บทจะเร็วก็ติดจรวดจนเรานึกไม่ถึงเหมือนกัน งานหมั้นของยัยปิ่นกับพี่ภูผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะมีเอะอะมะเทิ่งของพี่คีกับตาแม็กซ์บ้าง ก็ไม่ได้ถึงกับล่ม หรือว่ากร่อยอะไร พอวันรุ่งขึ้นหลังจากงานหมั้นยัยปิ่น ฉันก็ขับรถคู่ชีพไปส่งแม่ พี่ดินแล้วก็น้องลูกหินที่สนามบินโดยกระเตงเจ้าเก้งน้องชายต่างแม่ไปด้วย ทีแรกน้องลูกหินโยเยจะให้ฉันกลับด้วย แต่พอเห็นหน้าไอ้เก้งน้องชายของฉันที่หน้าดุ (มาก) น้องลูกหินก็ถอยร่น บอกกับฉันเสียงอ่อยๆ ว่าให้แม่กวางรีบกลับบ้าน ฉันก็ได้แต่ยิ้มแหะๆ

"นี่ไอ้หนู" เสียงไอ้เก้งน้องชายตัวแสบมองหน้าน้องลูกหินอย่างเอาเรื่อง ก็เจ้านี่น่ะนักเลงใช่หยอก และแถมให้อีกข้อ 'หวงพี่สาว' ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก นี่เป็นเหตุผลนึงที่ฉันยังโสดสนิทจนถึงทุกวันนี้

"ฉันเรียกไม่ได้ยินหรือไง โอ้ย เจ้ทำไรอ่ะ เจ็บนะ" เก้งเอามือกุมหัวเบาๆ พลางมองหน้าฉันที่ตีเข้าไปอย่างแรง

"แกกำลังทำให้เด็กกลัว พูดดีๆ เดะวะ" คนๆ เดียวที่เอาไอ้เก้งอยู่ก็คือฉัน ฉันเป็นคนเดียวที่มันฟัง แม่มันยังเอาไม่ค่อยอยู่เลย

"โธ่เจ้ เก้งก็พูดดีๆ แล้ว ทำเป็นกลัวไปได้ มานี่สิ มีเรื่องจะคุยหน่อย" มันพูดขณะที่น้องลูกหินเกาะขาฉันแน่น

"ลูกหินครับเป็นผู้ชายกล้าหาญหน่อยสิครับ จะมาหลบหลังแม่กวางอย่างนี้ไม่ได้" เสียงพี่ดินพูดเสียงเข้มขึ้นมา ทำให้ไอ้เก้งเหลือบตาขึ้นมามองพี่ดิน แล้วก็ยิ้มเหยียดๆ ที่มุมปาก

"นั่นสิ ลูกผู้ชายจะจีบผู้หญิงทั้งทีทำไมต้องให้เด็กช่วย" คำพูดของเก้งทำให้พี่ดินสีหน้าขรึมขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของพี่ดินที่ดูเคร่งเครียดขึ้น ทำให้เก้งยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วหันกลับไปหาน้องลูกหิน "เราน่ะ หยุดเรียกพี่สาวฉันว่าแม่เสียที พี่สาวฉันไม่เคยแต่งงานกับใคร แล้วไม่เคยมีลูกด้วย"

ทันทีที่เก้งพูดด้วยเสียงโหดๆ ของมันจบ น้องลูกหินก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที เกาะขาฉันแน่นราวกับว่าจะไม่ยอมให้ฉันหลุดลอยไปไหน

"ไอ้เก้ง!!" ฉันตวาดเจ้าน้องชายคนดีเสียงดัง

"เจ้อย่ามาตวาดเก้งนะ" เก้งหันมาพูดเสียงแข็ง แววตาของมันมีแววน้อยใจ แล้วความเงียบก็ครอบงำอยู่สักพัก แล้วฉันก็ขยี้หัวเจ้าคนขี้น้อยใจเบาๆ

"ไปซื้อน้ำให้เจ้หน่อยไป" แม้จะไม่เต็มใจแต่เก้งเดินกระฟัดกระเฟียดไปโดยดี

"ขอโทษนะคะ เก้งมันบ้าอย่างนี้ประจำ เรามีกันสองคนพี่น้อง เขาก็เลยหวงฉันมากเป็นพิเศษ" ฉันอธิบายให้พี่ดินฟัง ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องแคร์เขาขนาดนี้ด้วย ความจริงฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรก็ได้

"ดินอย่าถือสาเก้งเลยนะ บางครั้งน้าก็โดน เกาะยัยกวางติด ไม่ยอมให้น้าเข้าใกล้ เขากลัวว่าน้าจะมาแย่งพี่เขาไป สุดท้ายน้าก็เอาพี่เขามาจริงๆ ดูสิ งานนี้ไม่มาพูดกับน้าเลย" แม่พูดกลั้วหัวเราะ พยายามทำเป็นเรื่องขำ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ขำเลยสักนิด

"ไม่ถือสาหรอกครับ ความจริงผมเองก็ควรจะแสดงความจริงใจให้มากกว่านี้" เขาหันไปพูดกับแม่ก็จริง แต่คำพูดของเขานี่สิ มันมีความหมายตรงตัวเลย เขาคิดอะไรของเขานะ เขาถึงได้พูดอย่างนี้

"มาครับลูกหินบ๊ายบายแม่กวางก่อน อย่าร้องนะครับ แม่กวางไม่หนีพวกเราไปไหนหรอก เพราะถ้าหนีพ่อดินก็จะตามแม่กวางให้มาอยู่กับพวกเราจนได้" คราวนี้เขาพูดกับลูกหิน แต่หันมามองหน้าฉัน ดวงตาฉายแววจริงจังและจริงใจ เล่นเอาฉันต้องหลบดวงตาคมๆ คู่นั้น

"แล้วลูกหินจะเรียกแม่กวางว่าแม่ได้ไหมครับ" ลูกหินร้องไห้สะอึกสะอื้น มองดูพ่ออย่างน่าสงสาร ส่วนพ่อของลูกหินก็มองมาที่ฉันอย่างขอคำตอบ

"ได้สิครับ" ฉันพูดพลางหอมแก้มน้องลูกหินเบาๆ ทำให้น้องลูกหินยิ้มขึ้นอย่างสดใสอีกครั้ง

"ขอบคุณนะกวาง" เสียงพี่ดินพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ทำให้ฉันเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจ

"ไม่ต้องขอบคุณกวางหรอกค่ะ กวางเต็มใจรับเด็กน่ารักๆ อย่างลูกหินเป็นลูก"

"แล้วอยากจะรับพ่อน้องลูกหินเอาไว้เป็นพ่อทูนหัวบ้างไหมครับ" เขาพูดแล้วส่งสายตาที่มีความหมายมาให้ พอฉันหันไปมองแม่ แม่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดูนู่นดูนี่ไปเรื่อย แต่สาบานได้ ฉันเห็นแม่ยิ้มอย่างพึงพอใจ แม่นะแม่

"เจ้ทำไรอ่ะ" เก้งพูดพลางดึงฉันให้ถอยห่างจากสองพ่อลูก มองพี่ดินอย่างหวาดระแวง

"พี่ไปนะกวาง ไปเถอะครับคุณน้า ยังไงๆ กวางก็ต้องกลับไปหาพวกเราอยู่แล้ว พี่ไปก่อนนะเก้ง" เขาพูดพลางจูงมือลูกหิน แล้วพยักเพยิดกับแม่ของฉัน

"ไปได้ก็ดี" เก้งบ่นเบาๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ฉันรู้สึกใจหายนิดๆ ตอนนั้นฉันยอมรับเลยว่า ฉันอยากจะได้ตั๋วเครื่องบินสักใบกลับไปพร้อมเขาเสียเลย

"เก้งเรามีเรื่องต้องคุยกัน" คงถึงเวลาสักทีที่ฉันจะต้องจัดการกับความหวงพี่สาวแบบอันลิมิเต็ดของมัน
 

หลังจากที่จัดการกับน้องชายที่หวงพี่สาวแบบเวอร์ๆ แล้ว ฉันกับเก้งก็ไปหาซื้อต้นไม้มาลงที่ร้าน ที่จริงฉันก็บอกให้เก้งตัดสินใจไปเลย แต่เจ้าตัวแสบกลับบอกว่าอยากให้ฉันไปเลือก เพราะว่ามันขี้เกียจคิด แม้ว่าบรรยากาศในตอนแรกจะดูไม่ค่อยดี เพราะหน้าเก้งดูออกจะบึ้งตึง แต่พอเลือกต้นไม้ต้นหญ้า และพวกของประดับสวนไปสักพักมันก็อาการดีขึ้น พูดเล่นหัวกับฉันเหมือนเดิม

"เจ้กวาง เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีใครเลี้ยงเหล้าเก้งเลย" ดูมันสิคะท่านผู้อ่าน ฉันมีประโยชน์กับมันเท่านี้เองใช่ไหม ฉันตบหัวมันเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้แกมเอ็นดู

"ไปหาสาวๆ คนอื่นเลี้ยงไป๊" พอฉันพูดคำนี้ขึ้นมา ฉันก็สังเกตว่าน้องชายตัวดีของฉันนิ่งเงียบไป แล้วหน้าก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ นี่แสดงว่าน้องชายของฉันเริ่มมีความรักหรือนี่

"เล่ามาเดี๋ยวนี้นะไอ้เก้ง ไม่งั้นตายยยยยยยยยย" ฉันขู่เบาๆ แต่น้ำเสียงบอกเป็นนัยๆ ว่า ถ้าไม่บอกได้ตายอย่างที่ปากฉันว่าแน่ๆ

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกเจ้ เขาเป็นลูกค้าในร้านน่ะ..."

จากนั้นเก้งก็เล่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้นให้ฟัง เก้งเล่าว่าเธอมักจะมานั่งทำหน้าเศร้าคนเดียวเสมอ เก้งรู้สึกติดใจก็เลยไปคุยด้วย ยิ่งคุยก็ยิ่งถูกชะตา 'รักแรกพบ' เป็นคำจำกัดความสั้นๆ ที่ฉันคิดออก เพราะดูเหมือนว่าเก้งจะชอบใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ฉันอยากจะเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้วสิ  ผู้หญิงที่ทำให้น้องชายของฉันเขินอายได้ขนาดนี้ คงน่ารักไม่หยอกเลย
 

วันนั้นเจ้าเก้งไม่ยอมให้ฉันกลับไปนอนที่คอนโด แต่กลับเลี้ยวรถไปที่บ้านพ่ออย่างจงใจ

"นานๆ ทีน่ะเจ้ อุตส่าห์ลงมากรุงเทพทั้งทีจะไม่ไปค้างที่บ้านเลยหรือไง เจ้ไม่ได้ไปนอนที่บ้านนานแล้วนะ" เก้งพูดขึ้นมา ทำให้ฉันหมดโอกาสที่จะโต้เถียง เพราะฉันก็ไม่ได้ไปค้างที่บ้านพ่อนานแล้วเหมือนกัน

บรรยากาศในวันนั้นก็เหมือนทุกทีที่ฉันกลับมาบ้าน ไม่ได้ตึงเครียดอะไรมาก แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นเหมือนกับคนที่จากบ้านไปนานแล้วกลับมาที่บ้าน เพราะคำว่า 'บ้าน' มันได้เลือนหายไปจากใจฉันมานานแล้ว หัวใจที่เหน็บหนาวของฉันไร้บ้านที่เป็นที่พักพิง การกลับมาบ้านพ่อก็เหมือนกับการมาเยี่ยมครอบครัว แต่มันก็ไม่ใช่บ้านของฉันอย่างแท้จริง ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรคิดอย่างนี้ แต่นี่คือความรู้สึกจริงๆ ของฉัน และฉันก็หวังว่าสักวัน คงจะมีสักที่ที่เป็นบ้านของฉันอย่างแท้จริง

แม้ว่าฉันจะจากบ้านไปนาน โดยที่ไม่ค่อยจะมาค้างสักเท่าไหร่ แต่ห้องของฉันก็ยังถูกเก็บเอาไว้ในสภาพเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากว่ามันจะดูโล่งไปหน่อย เพราะมันไม่มีสมบัติบ้าของฉันเหมือนเมื่อยามที่ฉันอาศัยอยู่ ฉันวางข้าวของอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะล้มตัวลงนอน

วันนี้ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรกับพ่อมากนัก ส่วนพ่อก็เพียงแต่ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป ความจริงพ่อก็รู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะฉันกับพ่อก็คุยกันทางโทรศัพท์บ่อยๆ แต่มาเที่ยวนี้ฉันรู้สึกว่าพ่อแก่ไปมาก จนฉันอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่เรียนจบ แล้วจากนั้นก็ทำตัวปีกกล้าขาแข็งไม่ค่อยได้เข้ามาหาพ่ออีกเลย ฉันคิดเรื่องพ่ออีกสักพักก่อนที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำ วันนี้ฉันตัดสินใจนอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ไปร้านตามคำชวนของเจ้าเก้ง โดยกะว่าจะไปวันพรุ่งนี้แทน วันนี้ขอพักผ่อน 1 วันก่อนเถอะ

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จฉันก็ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ก่อนที่จะหลับตาเพื่อพักผ่อน แต่ไม่ทันจะเข้าสู่นิทรารมย์ดี เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ฉันคว้าโทรศัพท์อย่างหัวเสีย ใครกันนะโทรมาดึกขนาดนี้ แต่พอฉันกดรับเท่านั้นแหละ ก็ต้องกลืนคำด่าทั้งหมดลงไป เพราะเสียงใสๆ ที่พูดผ่านเครื่องโทรศัพท์มานั่นเอง

"แม่กวาง ลูกหินคิดถึงแม่กวางจังเลย" เสียงใสๆ ของน้องลูกหินเจี้ยวแจ้ว ทำให้ฉันเผลอยิ้มขึ้นมาอย่างสดใส

"แม่กวางก็คิดถึงน้องลูกหินครับ" ฉันพูดกลับออกไป จากนั้นฉันกับน้องลูกหินก็คุยกันสักพักก่อนที่เสียงพี่ดินจะเรียกให้ลูกหินไปนอน ทีแรกน้องลูกหินทำท่าจะไม่ยอม ฉันก็เลยช่วยพูดอีกแรงจนน้องลูกหินยอมขึ้นนอน

ทีแรกฉันจะวางโทรศัพท์ไปแล้ว ถ้าไม่มีเสียงนุ่มๆ ของใครบางคนลอดผ่านโทรศัพท์มาเสียก่อน

"หลับหรือยังครับ" น่าแปลกที่แค่ได้ยินเสียงของเขาหัวใจของฉันก็เต้นแรง หน้าตาร้อนผ่าวอย่างไม่น่าเชื่อ

"ถ้าหลับแล้วใครพูดอยู่ล่ะ" ฉันพูดกลับไปกวนๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอาย

"อ้าว พี่นึกว่าละเมอ" เขาพูดกลั้วหัวเราะราวกับชอบใจอะไรนักหนา ฉันเลยอดที่จะค้อนเขาทางโทรศัพท์ไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเขาไม่เห็นก็เถอะ พี่ดินคุยนู่นคุยนี่อีกไม่กี่ประโยคก็บอกลาฉัน โดยให้เหตุผลว่าอยากให้ฉันนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม

"ฝันดีนะครับกวาง" พี่ดินทอดเสียงนุ่มจนใจฉันสั่นไหว น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงหาบอกอะไรหลายๆ อย่างกับฉัน

"ค่ะ พี่ดินก็...ฝันดีนะคะ" ฉันตอบเขาไปด้วยประโยคเดียวกัน
 

หลังจากที่วางสายจากสองพ่อลูกมาแล้ว ฉันก็กลายเป็นนกฮูกนอนไม่หลับทันที เรื่องต่างๆ ของฉันกับพี่ดินวนเวียนเข้ามาในหัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ภาพวันแรกที่เขาเมา ภาพวันที่เขาไปรับฉันที่สนามบิน และภาพทั้งหมดก็มาจบที่คืนที่เขาจูบฉันอย่างดูดดื่มและแน่นอนฉันจูบเขาตอบ ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย กับพี่คี กับแม็กซ์ฉันก็เคยไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน หัวใจฉันไม่เคยเต้นผิดจังหวะ หน้าฉันไม่เคยกลายเป็นสีไฟจราจรเวลาที่พวกเขาทำอะไรแปลกๆ กับฉัน ฉันไม่อยากจะยอมรับอะไรเลย แต่ฉันต้องยอมรับใช่ไหมว่านี่มันอาจเป็น....ความรัก

...รักอย่างนั้นเหรอ?...

ตลกน่า...ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองรักใครมาก่อน อย่างมากก็แค่ชอบ หรือว่าถูกใจ แต่นี่ฉันรักเขา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อน คนรู้จัก พี่ชาย นี่ฉันกำลังจะถลำลึกเข้าไป ฉันไม่เคยรับรู้ว่าหน้าตาของความรักที่แท้มันเป็นยังไง แต่ตอนนี้ฉันกำลังกลัว กลัวว่าฉันจะรักเขาจนหมดหัวใจ...จนไม่มีเหลือเอาไว้ให้กับตัวเอง

ระหว่างที่ฉันคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างฟุ้งซ่าน เก้งก็เคาะประตู ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์

"มีอะไรเก้ง" ฉันถามพลางมองน้องชายที่วันนี้เกไม่ยอมไปที่ร้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจ แต่ฉันก็รู้ว่าเป็นเพราะมันอยากอยู่กับฉันนานๆ

"เก้งอุ่นนมมาให้ เจ้ต้องกินนมอุ่นๆ ก่อนนอนใช่ไหมล่ะ ผู้หญิงเรื่องมากก็งี้ ไม่กินนมอุ่นนอนไม่หลับ" เจ้าเก้งพูดเสียงแข็งๆ แต่ฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ผู้ชายปากร้ายแต่ใจดี นี่แหละน้องชายฉัน

"ขอบใจเก้ง รู้ใจเจ้จริงๆ อย่างนี้เจ้จะหาผู้ชายอย่างน้องชายพี่ได้ที่ไหน" ฉันพูดพลางรับแก้วนมมาดื่ม

"ไม่ต้องไปหาหรอก ผู้ชายสมัยนี้มีดีที่ไหน มีแต่หลอกผู้หญิงไปวันๆ เจ้ก็อยู่กับเก้งแบบนี้แหละ จะดูแลเอง" เก้งพูดไปก็หน้าแดงไป ทำให้ฉันหมั่นเขี้ยวหยิกแก้มมันเบาๆ

"อีกหน่อยแกก็ต้องดูแลผู้หญิงของแก ขี้คร้านจะลืมเจ้"

"ไม่มีทาง" เก้งพูดประโยคนั้นเบาๆ ทำให้ฉันยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมีความสุข "เอ้ากินหมดแล้วก็เอาแก้วมา แล้วไปนอนได้แล้ว เก้งก็จะไปนอนแล้วง่วง"

เก้งแกล้งโวยวายเอาแก้วไปจากมือฉันแล้วเดินหายไปจากทางเดิน... นั่นสินะ ผู้ชายสมัยนี้ก็เอาแต่หลอกผู้หญิงไปวันๆ เขาอาจจะหลอกแกก็ได้กวาง ก็ไม่กี่อาทิตย์ก่อนเขายังพูดอยู่เลยว่าเขารักคุณเพลงมาก...มากเหลือเกิน แล้วผู้หญิงอย่างฉันจะมีอะไรไปสู้ได้ ไม่มีสักอย่าง ฉันไม่มีอะไรที่เทียบใครเขาได้เลย อีกอย่างฉันเองก็ไม่อยากเดินเข้าไปในกับดักคลมถุงชนของแม่ด้วย เพราะฉะนั้นตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม...ก็คงจะดี
 

<<<   ไปที่ตอน    1    2    3       5    6    7    8    9    10    PosTscrIpt   >>>>