pue's tales ; tales from pue
My dEar 4
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
ตอนที่ 4

ทำไมมันง่วงอย่างนี้นะ ฮ้าววววววว ตั้งแต่ฉํนขึ้นมาอยู่เมืองเหนือเนี่ย ฉันต้องปรับเวลานอนเวลาตื่นใหม่หมด จากที่นอนตี 3 ตี 4 ตื่นบ่าย กลายมาเป็นนอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้าตรู่ ความจริงอย่างนี้มันก็ดีต่อสุขภาพกว่าแหละนะ
 
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน แม่จะตื่นเช้ากว่าฉัน แล้วก็ลงไปดูความเรียบร้อยที่รีสอร์ท พร้อมๆ กับทิ้งอาหารเช้าเอาไว้ให้ดูต่างหน้า พอฉันตื่นก็พาเอาหัวกระเซิงๆ ของฉันลงมากินข้าวเช้าอย่างอิ่มหนำ ก่อนที่จะแต่งตัวไปช่วยงานแม่ตอนสายๆ แต่วันนี้ก็ไม่เหมือนกับทุกวัน เพราะวันนี้มีอะไรบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมา
 
"แม็กซ์" ฉันร้องขึ้นด้วยความดีใจ และฉันก็รู้ว่าเจ้าของชื่อก็ดีใจด้วยเช่นกัน เพราะดูหน้ามันตอนนี้สิ บานยังกับจานดาวเทียม ให้ตายสิ มันจะมาทำไมไม่รู้จักโทรมาบอกกล่าวกันก่อนบ้างนะ

"ตื่นสายโด่งเชียวนะแก" ดูมันทักเพื่อนมัน ปากน่าเอายาเบื่อยัดเข้าชะมัดเลย

"เงียบปากไปเลย มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" ฉันพูดพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าวตรงข้ามกับผู้มาเยือน

"เช้าตรู่เลยล่ะ ทีแรกแม่เขาจะเรียกให้ แต่ฉันบอกว่าไม่ต้อง เพราะกลัวโดนแกเตะเอา แกยิ่งไม่เหมือนคนทั่วไปอยู่"

น้าน ดูมันพูดเข้าสิ วอนโดนเตะจริงๆ แล้วไหมเล่า ท่าทางมันไม่อยากจะกลับไปกรุงเทพ ฆ่าหมกป่าเชียงรายเสียดีไหมเนี่ย

"ถ้าอยากนักจะสงเคราะห์ให้" ฉันแยกเขี้ยวใส่เป็นเชิงบอกให้รู้ว่า ถ้าพูดจาไม่เข้าหูอีกทีล่ะก็จะโดนไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

"ไอ้โหด" มันประท้วงเบาๆ ฉันก็เลยเลิกคิ้วให้อย่างเป็นต่อ

ฉันกับแม็กซ์เรียนชั้นเดียวกันตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย ทำให้สนิทกันพอควรเลยแหละ แล้วช่วงที่ปิ่นไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฉันกับแม็กซ์ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอ แต่ก็ในฐานะเพื่อนเท่านั้น และฉันก็ไม่อยากจะคิดอะไรมากเกินไปกว่านั้น...อีกแล้ว

แม็กซ์เล่าให้ฟังด้วยความเสียดายว่ามาเที่ยวครั้งนี้คงอยู่ได้แค่วันสองวัน เพราะต้องกลับไปทำงาน ทีแรกมันก็ว่าจะลาพักร้อนเหมือนกัน แต่เจ้านายขอเอาไว้ เพราะช่วงนี้งานยุ่งกันจริงๆ

"ฉันก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนแกนานๆ ว่ะกวาง แต่ก็...ขอโทษทีนะ" มันพูดด้วยความเสียดายนิดๆ แต่ฉันก็ยิ้มตอบเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรหรอก ความจริงแค่มันมาเยี่ยมฉันก็ดีใจจะตายอยู่แล้ว นอกจากปิ่นแล้ว เพื่อนที่สนิทที่สุดก็เห็นจะเป็นแม็กซ์เนี่ยแหละ ที่ทนให้โขกสับอยู่นานสองนาน

ความจริงฉันก็รู้ความนัยของแม็กซ์นะ ฉันรู้ว่าที่มันมาทำดีกับฉันอย่างนี้ มันรู้สึกพิเศษๆ กับฉัน แต่ทำยังไงได้ ฉันไม่สามารถคบกับมันได้ และไม่สามารถที่จะมีใจให้มันได้ สิ่งที่ฉันให้ได้คือความเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง
 
หลังจากทานข้าวเรียบร้อย ฉันก็ขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าแป๊บนึงก่อนที่จะอาสาพามันไปสำรวจรีสอร์ทฟ้ากว้าง ฉันพาแม็กซ์เดินชมสวนดอกไม้ยามเช้าที่แสนจะสดชื่น ดอกไม้หลากสีผลิบานในยามเช้า ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งและเย้ายวนให้คนเข้าไปชื่นชมเหลือเกิน บริเวณสวนดอกไม้ตรงนี้แม่ของฉันเป็นคนลงมือปลูกเองกับมือ และสวนดอกไม้ที่นี่ก็เป็นจุดขายจุดหนึ่งของรีสอร์ทด้วย

"แม่แกปลูกเองหมดเลยเหรอ" แม็กซ์ถามพลางชื่นชมธรรมชาติยามเช้าของเชียงราย ที่ตอนนี้สายหมอกเริ่มที่จะคลายตัว ทำให้เห็นทัศนียภาพที่อยู่ไกลออกไป

"อือ เห็นว่าพ่อเลี้ยงช่วยด้วยน่ะ นี่ๆ ไปดูกล้วยไม้ที่ฉันเริ่มเพาะเอาไว้ดีกว่า" ฉันพูดพลางฉุดมันเดินเข้าไปในเดือนเพาะชำเล็กๆ ที่ตอนนี้มีกล้วยไม้หลายสายพันธุ์ที่กำลังจะเพิ่มปริมาณในไม่ช้านี้

ระหวางที่เดินชมกล้วยไม้อยู่แม็กซ์ก็ถามคำถามนึงที่ฉันคิดว่ามันควรจะเป็นคำถามแรกที่ถามเมื่อเจอกัน "แกสบายดีหรือเปล่า?"
ฉันมองหน้ามันเป็นเชิงถามว่า ไม่รอกลับกรุงเทพก่อนแล้วค่อยโทรมาถามเล่าคำถามนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะอ่านสายตาที่ด่ามันอยู่ไม่ออก มันก็เลยมองหน้าฉันอย่างจ้องเอาคำตอบ

"อือ..ก็ดี เริ่มจะชินแล้วล่ะ แต่ก็เปลืองค่าโทรศัพท์เวลาโทรไปคุยกับไอ้ปิ่นมัน"

"โห ไรวะ โทรหาแต่ปิ่นไม่เห็นโทรหาเราบ้างเลย" มันเริ่มโวยวาย แม็กซ์เป็นอย่างนี้เสมอ ขี้โวยวาย ขี้น้อยใจ สารพัดจะขี้

"เอาน่าๆ นี่ๆ แกมาดูต้นนี้สิ กำลังออกดอกสวยเชียว ฉันว่าจะเอาไปไว้กับต้นไม้ในรีสอร์ทแกว่ามันจะสวยขึ้นไหม พ่อเลี้ยงเขาแนะนำว่าให้ทำอย่างนั้นจะดีกว่า" ฉันไม่ถนัดง้อคนสักเท่าไหร่ ทำให้ต้องเสชวนคุยเรื่องอื่นไปเสียอย่างนั้น แต่แทนที่มันจะทำหน้าดีขึ้น แต่มันกลับทำคิ้วขมวดจนผูกกันเป็นโบเลยล่ะ นี่ฉันพูดอะไรผิดไปใช่ไหม

"นี่แกหามาปลูกเองหมดเลยเหรอ" มันถามเสียงเครียดเชียว เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ

"ก็ไม่เชิงหรอก พ่อเลี้ยงเขาช่วยน่ะ พาไปหาแหล่งที่เขาขาย แล้วก็แนะนำวิธีการปลูก การดูแลรักษา แล้วก็สอนสารพัดอย่างเลยล่ะ ถ้าไม่ได้เขาฉันก็ตายเหมือนกัน ฉันเพิ่งรู้นะว่าการปลูกต้นไม้ก็ยากพอๆ กับการเลี้ยงสัตว์เลย" ฉันพูดยิ้มๆ พลางจับกลีบของกล้วยไม้อย่างอ่อนโยน พลางคิดถึงตอนที่พ่อเลี้ยงขับรถพาฉันไปถึงเชียงใหม่ เพื่อไปหาซื้อกล้วยไม้พันธ์ที่ฉันอยากได้

"เขาเป็นใคร!!" จู่ๆ แม็กซ์ก็พูดเสียงดังขึ้นมา จนเกือบๆ จะเป็นการตวาดเลยทีเดียว เล่นเอาฉันตกอกตกใจ ทำไมต้องพูดเสียงดังด้วยนะ ไม่ชอบเลย

"ใคร!?" ฉันถามกลับหน้าตาเฉย ก็รู้นะว่าหมายถึงใคร แต่ทำไมต้องทำน้ำเสียงอย่างนี้ด้วย

"พ่อเลี้ยง" เสียงแม็กซ์ยังคงกระชากไม่หาย เล่นเอาฉันหน้างอไปเหมือนกัน

"แกอย่าทำเสียงอย่างนี้ ฉันไม่ชอบ" ฉันพูดเสียงแข็งกลับไปบ้าง เอาสิ ฉันไม่ผิดเสียหน่อย

"แกก็บอกมาสิว่าเขาเป็นใคร" เสียงมันอ่อนลง แต่หน้าก็ดูบึ้งๆ อยู่ หน้าตาของมันตอนนี้เล่นเอาฉันต้องถอนหายใจหนักๆ เลยล่ะ

"เขาทำไร่อยู่ข้างๆ รีสอร์ทฉัน เป็นคนโปรดของคุณแม่ นั่นไง เห็นไหม ไร่ของพ่อเลี้ยง" ฉันพูดพลางชี้ให้ดูไร่ที่อยู่ไกลออกไป แม็กซ์ปรายตาดูอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะหันหน้ามามองฉันอย่างจับผิด ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบสายตาของแม็กซ์ตอนนี้เลยให้ตายสิ
 
จากนั้นฉันก็พาแม็กซ์ขับรถวนไปกินข้าวในเมือง โดยหาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาคุยให้อารมณ์บูดๆ ของมันมลายหายไป และที่สำคัญพยายามไม่พูดถึงพ่อเลี้ยง พอได้คุยเล่นสนุกสนานก็ดูเหมือนว่ามันจะยิ้มออก กลับไปเป็นแม็กซ์คนเดิมได้บ้าง ค่อยทำให้ฉันโล่งใจหน่อย แต่ก็ได้ไม่นานนักหรอก
 

เย็นนี้เป็นยามเย็นที่ฉันรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แม็กซ์ทำหน้าบูดมาตลอดตั้งแต่กลับมาจากในเมือง ไม่สิ ความจริงมันหน้าบูดตั้งแต่อยู่ในเมืองแล้ว ทุกอย่างมันก็คงจะดีขึ้นแหละ ถ้าไม่เจอพ่อเลี้ยงกับตาลูกหินในเมือง

'อ้าวกวางเข้ามาในเมืองทำไมไม่บอก พี่จะได้รับมาด้วยกัน เนี่ยโทรไปหากวางที่บ้านแม่กวางก็บอกว่ากวางออกมาข้างนอก' พ่อเลี้ยงทักฉันด้วยสีหน้าที่แจ่มใส ในมือถือข้าวของมากมาย

'พอดีกวางพาเพื่อนที่กรุงเทพมาเที่ยวน่ะ ก็เลยไม่ได้บอก' ฉันพูดออกไปให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด 'นี่ไงคะ เพื่อนกวางชื่อแม็กซ์ แม็กซ์นี่พี่ดิน'

ฉันพยายามเลี่ยงไม่ใช้คำว่าพ่อเลี้ยง เพราะตอนนี้หน้าแม็กซ์มันก็บูดอยู่แล้ว ขืนรู้ว่าใครเป็นใครมีหวัง เชียงรายเกิดแผ่นดินไหวแน่ๆ

'เพื่อนเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักครับ วันนี้กวางมาแปลก ปกติเรียกพี่ว่าพ่อเลี้ยงตลอด วันนี้เรียกว่าพี่ดิน แต่เรียกอย่างนี้ก็ดีพี่ชอบ' พ่อเลี้ยงไม่พูดเปล่า ทำตาเป็นประกายวิบวับแปลกๆ เล่นเอาฉันเขินไปเลย

'พี่กวางวันพรุ่งนี้ไปตกปลากันนะครับ' น้องลูกหินพูดขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต ฉันเกือบจะตกลงอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เหลือบไปเห็นสายตาขุ่นเคืองของใครบางคน

'พี่ไม่ว่างน่ะจ๊ะ ต้องพาเพื่อนไปเที่ยว' ฉันตอบลูกหินพร้อมกับทำหน้าเสียดาย แต่ครั้นจะพาแม็กซืไปด้วยก็ใช่ที่ งานกร่อยหมดแน่ๆ

'อาทิตย์นี้ไม่ว่างอาทิตย์หน้าเป็นไง' พ่อเลี้ยงถามขึ้น ฉันก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะขอตัว

'อ้อ..เย็นนี้อย่าลืมนัดนะกวาง พี่จะทำอาหารอิตาลี่สไตส์คนไทยให้กิน รับรองติดใจ' คำพูดของเขาทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าเย็นนี้ฉันมีนัด แย่จริงๆ เลยฉัน

'เย็นนี้กวาง...'

'งั้นยืมครัวบ้านกวางแล้วกัน' พูดจบพ่อเลี้ยงก็กดหัวฉันเบาๆ หลังๆ เขาทำอย่างนี้บ่อยๆ ก็จริง แล้วฉันก็เริ่มรู้สึกดีกับความเอ็นดูของเขา แต่ตอนนี้วันนี้ ตอนที่แม็กซ์ยังอยู่ ฉํนไม่อยากให้เขาทำอย่างนี้เลย

'พี่ไปก่อนนะ เจอกันเย็นนี้'
 
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แม็กซ์หน้าบูดอยู่ตอนนี้ ฉันรู้ว่ามันคิดอะไร แต่ฉันไม่อยากให้มันคิด เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ฉัน...ทำใจไม่ได้
 
"แกชอบมันเหรอ"

"หา!?" ฉันเกิดอากาตาค้างทันทีที่แม็กซ์ถามคำถามแปลกๆ อย่างนี้ "ใครชอบใครพูดให้มันดีๆ นะ แล้วใครคือมันของแก"

ฉันละล่ำละลักถามออกไป ฉันรู้ตัวเลยว่าตื่นๆ กับคำถามของเพื่อนคนนี้มาก...จนเกินไป เปล่านะเปล่าเลย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับใคร ฉันแค่ตกใจที่จู่ๆ มันถามคำถามนี้ขึ้นมา...ก็แค่นั้นเอง

"แกชอบตาพ่อเลี้ยงนั่นใช่ไหม? ฉันถามชัดพอหรือยัง" มันถามพลางจ้องมองฉันอย่างจับผิด ฉันไม่ชอบให้แม็กซ์มองฉันด้วยสายตาอย่างนี้เลย มันเหมือนกับฉันไปทำอะไรผิดมา ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเดียว

"แกจะบ้าเหรอ" ฉันแว๊ดมันเสียงดัง อยู่ดีๆ ก็พูดอะไรไม่เข้าเรื่องออกมา ใครจะไปชอบพ่อเลี้ยงเล่า เขาก็เป็นเพียงคนรู้จัก เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ทำไมนะ ฉันถึงพูดอธิบายทั้งหมดนี้ออกไปไม่ได้ เหมือนมันไหลจากสมองและหยุดอยู่ตรงที่ลำคอไม่ผ่านออกไปจากปากของฉันเสียอย่างนั้น

"ไม่ชอบก็ดี" มันพูดจบก็หันไปมองทางอื่น แต่ท่าทีของมันตอนนี้บอกได้เลยว่ามันกำลังไม่พอใจฉัน พอเห็นท่าทางอย่างนี้ของมันทำให้ฉันใจอ่อนทุกทีเลย แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับทุกที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงไม่สามารถตบไหล่แม็กซ์ได้ ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป และคนที่เปลี่ยนก็คือฉัน ไม่ใช่มัน

ระหว่างฉันกับแม็กซ์มันไม่เคยมีบรรยากาศที่น่าอึดอัดอย่างนี้เลย เพราะหากมีใครคนนึงไม่พอใจ อีกฝ่ายนึงก็จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ มันดีขึ้นเอง คราวนี้แม็กซ์เงียบ ฉันควรที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ฉันกลับไม่มีคำพูดหรือการกระทำใดๆ ที่ทำให้มันรู้สึกดี

"แกรู้ตัวหรือเปล่ากวาง......" เสียงของแม็กซ์ทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมอง มันพูดนิ่งๆ จนฉันจับอารมณ์มันไม่ถูกว่ามันกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันน่าอึดอัดพอควร ฉันมองหน้าแม็กซ์นิ่ง เอาเถอะถึงมันจะพูดอะไรออกมา ฉันก็เตรียมตัวที่จะรับเอาไว้

แม็กซ์หันมามองหน้าฉันอย่างอึดอัดสักพัก ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่มองหน้าเป็นเชิงถาม และจังหวะที่มันกำลังจะอ้าปากพูดนั่นเอง

"พี่กวางงงงงง" เสียงน้องลูกหินร้องเรียกเสียงดัง พร้อมๆ กับร่างเล็กๆ ที่วิ่งมาอย่างรวดเร็ว และไม่ทันที่ฉันจะตั้งตัวน้องลูกหินก็โถมเข้ามากอดเต็มแรง "พี่กวางพ่อทำข้าวเย็นเสร็จแล้วครับ ตอนนี้อยู่บนบ้าน พี่กวางไปกินกันเถอะครับ ลูกหินหิวแล้ว ไปเร็วครับ"

"เอ่อ..คือว่า...." เอาล่ะสิฉันเริ่มอึกอัก ไหนจะสายตาของแม็กซ์ที่กดดันฉัน ไหนจะการออดอ้อนที่น่ารักของน้องลูกหิน แล้วนี่ฉันควรจะทำยังไงล่ะเนี่ย

"แกจะไปก็ได้นะ" พูดจบแม็กซ์ก็เดินทิ้งจากไปทันที ไม่สนใจเสียงเรียกของฉันแม้แต่น้อย ทำไมมันถึงเป็นผู้ชายที่ขี้น้อยใจอย่างนี้นะ

"เฮ้อ" ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางมองตาแป๋วๆ ของน้องลูกหิน

"แฟนกวางคงโกรธน่ะ พี่เห็นเดินหน้าบูดไปเลย" เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างหลังทำให้คนที่กำลังคิดอะไรอยู่อย่างฉันสะดุ้งทันที

"ไม่ใช่แฟนนะคะ" ฉันตอบออกไปอัตโนมัติ มันคงเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ....ใช่ไหม?

"แต่ท่าทางเขาไม่พอใจ" พ่อเลี้ยงพูดต่อ ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องย้ำได้ไหมค่ะคุณพี่ชายกำมะลอ

"กวางชอบเขาเหรอ?" ทำไมวันนี้ฉันต้องเจอคำถามนี้สองครั้งในเวลาไล่ๆ กันด้วยนะ ให้ตายสิ

"กวางจะชอบใครมันก็เป็นสิทธิ์ของกวางไม่ใช่เหรอคะ" ฉันพูดกึ่งๆ โมโห

"ผมคงยุ่งเรื่องของกวางมากเกินไป ขอโทษ" สรรพนามกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ฉันรู้ตัวว่าทำคนโกรธถึงสองคนแล้ว แต่อีกคนกลับยืนนิ่งไม่ไปไหน ฉันถอนหายใจเป็นครั้งที่พันล้านก่อนแตะแขนพ่อเลี้ยงเบาๆ

"กวางขอโทษ พอดีกวางกำลังโมโหเพื่อน พ่อเลี้ยงอย่าถือเลยนะคะ"

"ผมเข้าใจ" เขาพูดพลางยิ้มแห้งๆ

"เข้าใจทำไมถึงยังใช้สรรพนามแบบนั้นล่ะ" ฉันถามงอนๆ

"กวางยังไม่เรียกผมว่าพี่เลย" เขาพูดนิ่งๆ แล้วส่งสายตาคมๆ มาให้ เล่นเอาหน้าฉันร้อนวูบทีเดียว

"พี่....ดิน" ฉันพูดเบาๆ ก่อนที่จะตั้งสติ แล้วก็พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "กวางขอตัวไปดูเพื่อนก่อนนะคะ"

เขาพยักหน้าเบาๆ  ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจของฉันตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ แต่แววตาคมๆ นั่นทำให้ฉันหวั่นไหวไปได้ไม่น้อย แต่ความรู้สึกนั้นก็ต้องหมดไป เพราะคิดถึงผู้ชายอีกคนที่เพิ่งเดินออกไป ทำไมชีวิตฉันมันถึงได้ยุ่งยากอย่างนี้นะ 
 
 
ฉันเดินเลียบตามทางมาเรื่อยๆ สักพักก็เห็นแม็กซ์นั่งอยู่คนเดียว ฉันถอนหายใจเป็นรอบที่ล้าน ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจความรู้สึกของมัน แต่จะให้ฉันไปคบกับแฟนเก่าของเพื่อนรักน่ะเหรอ ไม่เอาด้วยคนหรอก แม้ว่าฉันจะเคย.....เฮ้อ ขอถอนหายใจอีกทีละกัน

"ขอโทษ" ฉันไม่รู้จะเอ่ยคำพูดคำไหนที่ดีกว่านี้ไปอีกแล้ว

"แกมาขอโทษฉันทำไม" มันพูดเสียงแข็ง ทำให้ฉันน้ำตาคลอทันที ใครๆ อาจจะมองว่าฉันงี่เง่า เรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้ แต่ถ้าลองมาเป็นคนที่โหยหาความรักอย่างฉันแล้ว เวลาที่คนที่ฉันรักฉันแคร์มาทำอย่างนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก

"แกก็อย่างนี้ทุกที ร้องไห้อยู่เรื่อย" แม็กซ์พูดเสียงอ่อนลงพลางลุกขึ้นมาลูบหัวฉันเบาๆ

"แกก็อย่าทำอย่างนี้ดิวะ" ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมา ไม่ชอบเลยอย่างนี้ แต่พอมันปลอบทีไร ก็อดที่จะร้องออกมาไม่ได้

"เออๆ ฉันรู้แล้ว"

ฉันยอมรับ ฉันเคยชอบแม็กซ์ แต่นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อเกือบ 10 ปีมาแล้ว ฉันชอบมันก็จริง แต่ฉันบอกอะไรใครไม่ได้ เพราะตอนนั้นปิ่นก็ชอบแม็กซ์เหมือนกัน และสุดท้ายทั้งสองคนก็ได้เป็นแฟนกัน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาไม่นาน แต่ฉันก็เจ็บเสียเหลือเกิน เวลาที่เห็นทั้งสองคนเดินเคียงคู่กันไป น้ำตาของฉันก็พาลจะไหลลงเสียอย่างนั้น ฉันไม่เคยโทษปิ่น เพราะฉันรู้ว่าปิ่นไม่รู้ว่าฉันชอบแม็กซ์  และแน่นอนว่าฉันไม่มีทางจะให้ปิ่นรู้เด็ดขาด ฉันไม่อยากให้ปิ่นไม่สบายใจ แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องเก่าแล้วก็ตามทีเถอะ
 
เฮ้อ.....วันนี้ฉันถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ความรู้สึกต่างๆ ถาโถมเข้ามาในจิตใจของฉัน ถ้าถามว่ารักชอบแม็กซ์ไหม บอกได้ทันทีว่าความรู้สึกอย่างนั้นมันจางหายไปนานแล้ว แล้วนี่ฉันควรจะพูดให้ชัดเจนไปเลยดีไหม ...เฮ้อ ขอถอนหายใจอีกครั้งนึงทีเถอะ
 

"แกรู้ใช่ไหมว่าฉันชอบแก" แม็กซ์พูดขึ้นระหว่างที่เรากำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านกันสองคน ในวูบนึงฉันอดที่จะหวั่นไหวไปกับคำพูดนั้นไม่ได้

ถ้ามันพูดคำนี้เมื่อ 10 ปีก่อนฉันคงกระโดดไปหามันอย่างไม่คิดชีวิต แต่วันนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายไปแล้ว

"ขอโทษ" ฉันพูดเบาๆ ไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้ ใครจะรู้ว่าการปฏิเสธใครสักคนมันก็ทำให้เศร้า เสียน้ำตาได้เหมือนกัน

ในจังหวะที่ฉันแหงนหน้ามองฟ้า เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลอยู่นั้น แม็กซ์ก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะทำ มันดึงฉันเข้าไปกอดเสียแน่น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอึดอัด และปล่อยให้มันกอดฉันอยู่อย่างนั้น ทุกอณูสัมผัสบอกกับฉันว่ามันกำลังเจ็บปวด ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้เลย ทำไมนะชีวิตมันถึงได้วุ่นวายอย่างนี้

"ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ" เสียงแผ่วเบาที่กระซิบอยู่ที่ข้างหูทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบขึ้นมา
 
ดาวที่พร่างพราวอยู่กลางฟ้ามีมากมาย จะมีสักดวงไหมที่ให้ทางออกกับฉันได้....ไม่มี

 

<<<<  ไปที่ตอน    1    2    3    4    5    6    7    8    9    10    PosTscrIpt    >>>>