pue's tales ; tales from pue
My Dear
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
ตอนที่ 1

 ตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่น่ะเหรอ........นั่งรถวนรอบเชียงรายเล่นน่ะสิ แต่นี่ก็ไม่ใช่ความต้องการของฉันเลยสักนิด ก็อีตาพ่อเลี้ยงนี่สิขับรถวนไปวนมา แถมบอกว่าขอซื้อไอ้นู้นไอ้นี่จนฉันรู้สึกหงุดหงิด ปกติก็ไม่ชอบหน้าอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรกก็ตามทีเถอะ

 ความจริงฉันควรจะถึงรีสอร์ทของแม่ฉันตั้งแต่เมื่อ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ทำอะไรบ้าๆ อย่างนี้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาต้องการอะไร เพื่อยั่วประสาทฉันเล่นอย่างนั้นเหรอ?

 "คุณกวางหิวหรือยังครับ" เสียงเขาถามฉันขึ้นขณะที่ฉันทำหน้าบูดบึ้ง และไม่สบอารมณ์.....อย่างแรง

 "ถ้าจะกรุณา พ่อเลี้ยงช่วยพาฉันตรงไปที่บ้านจะดีกว่าคะ" ฉันพยายามพูดจาสุภาพ อย่างน้อยฉันก็โตพอที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นฉันจึงต้องระงับอารมณ์ที่คุกรุ่นที่เตรียมตัวที่จะระเบิดอยู่ร่อมร่อ เพราะถ้าไม่ติดมารยาททางสังคมแล้ว ฉันคงฆ่าอีตาพ่อเลี้ยงหมกป่าเชียงรายไปแล้ว

 "งั้นร้านนี้แล้วกันนะครับ"

 ให้ตายสิ เขาไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหม ฉันมองหน้าเขาอย่างโกรธเคือง และอ้าปากค้าง แล้วต้องรีบหุบเมื่อเห็นแววตาที่ขบขันของเขา ก็ได้...ในเมื่ออยากจะกินนัก ก็กินเข้าไปให้พุงกางเลยแล้วกัน ว่าแล้วฉันก็ระดมสั่งอาหารเหนือมาเพียบ เพียบขนาดที่เรียกว่าเลี้ยงคนได้ทั้งกองทัพเลยทีเดียว

 "อิ่มแล้วเหรอครับ เอาอะไรอีกไหมเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" เขาพูดอย่างมีไมตรี แต่ตอนนี้หงุดหงิด มีไมตรีนักใช่ไหม งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ

 "งั้นขอแคบหมูเพิ่มนะคะ แกงฮังเลด้วย แล้วก็........" การกินคือเวลาที่มีความสุข และในเวลาที่หงุดหงิดเช่นนี้ การกินเป็นเวลาที่มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า

 เขามองฉันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง....ไงล่ะอยากเลี้ยงดีนัก ตะลึงไปเลย ขอบอกเอาไว้ก่อนว่าในกระเพาะฉันทีหลุมดำอยู่ ใส่ไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม.....รู้สึกว่าฉันจะเหมือนชูชกเข้าไปทุกทีแล้วสิ
 
 หลังจากที่กลัวว่าท้องจะแตกตายไปเสียก่อน ฉันก็บอกกับพ่อเลี้ยงว่าอิ่มแล้ว เขาอมยิ้มน้อยๆ เอาเถอะ ถือว่าอภัยให้แล้วกัน เพราะร้านที่เขาพาฉันมากินเนี่ย อร่อยใช้ได้เลย จะเป็นรองก็ฝีมือของแม่ฉันเนี่ยแหละ และในที่สุดเขาก็พาฉันมาที่รีสอร์ทได้สักที หลังจากที่เขาพาวนไปรอบเชียงราย
 
 หลังจากที่ถึงรีสอร์ทฉันก็เดินฉับๆ ไม่สนใจพ่อเลี้ยงบ้านั่นอีกต่อไป ฉันตรงเข้าไปกอดแม่สุดที่รัก แม่ของฉันเลิกกับพ่อตั้งแต่ฉันยังเล็กอยู่ ตอนนั้นฉันอายุสัก 4-5 ขวบได้มั้ง แม่เก็บข้าวของออกจากบ้านไป แล้วจากนั้นไม่นานพ่อก็แต่งงานใหม่และพาฉันไปอยู่ด้วย ตอนนั้นแม่เองก็ไม่มีกำลังที่จะดูแลลูกอย่างฉัน เพราะลำพังแม่เองก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย การที่ทิ้งฉันไว้อยู่กับพ่อจึงเป็นการดีกว่า แต่วันนี้ฉันเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ผู้ให้กำเนิด หลังจากผัดผ่อนมาเป็นเวลานาน

 ความจริงก่อนหน้าที่ฉันจะมาอยู่กับแม่ฉันเองก็ไม่ได้อยู่กับพ่อหรอก หลังจากจบมหาวิทยาลัยฉันก็ออกมาอยู่กับเพื่อนรักคนนึงชื่อปิ่น ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารที่ฉันเปิดด้วยที่กรุงเทพ สาเหตุที่ฉันออกจาบ้านพ่อมาก็เป็นเพราะว่าฉันรู้สึกว่าฉันเป็นส่วนเกิน พ่อมีลูกใหม่ 1 คน หรืออีกนัยนึงก็เป็นน้องชายต่างแม่ บางครั้งมันทำให้ฉันอดที่จะน้อยใจไม่ได้ แม้ว่าแม่เลี้ยงจะดีกับฉันแค่ไหนก็ตาม

 "เข้าบ้านกันดีกว่านะกวาง ลูกคงเหนื่อย" แม่ใจดีกับฉันเสมอ ไม่เคยจะขัดหรือโกรธอะไร แม้ว่าฉันจะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ตาม แม่จะรู้ไหมนะว่ามันทำให้ฉันเคยตัว "แม่มีเซอร์ไพส์ให้ลูกด้วย"

 พอก้าวเข้าบ้านปุ๊บเซอร์ไพส์ของแม่ก็กระโดดกอดฉัน จนฉันแทบจะไปกองกับพื้น

 "ปิ่น" ฉันตะโกนเรียกชื่อเพื่อนรักด้วยความดีใจ ถึงว่าเจ้าเพื่อนตัวแสบมันดูไม่เสียใจเลยที่ต้องจากกัน ที่แท้ก็มีแผนอย่างนี้นี่เอง

 ฉันกับปิ่นสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม เรียกได้ว่าเรียนห้องเดียวกันมาตลอด ซี้กันจนเหมือนปาท่องโก๋ จะต่างกันก็คือยัยปิ่นเนี่ยมีแฟนเป็นว่าเล่น ส่วนฉันสิแห้วตลอดศก อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยรักใครจริงๆ ก็ได้ แต่ฉันก็ยังรอ...รอคนๆ นั้นของฉัน

 "นั่นเหรอพ่อเลี้ยงของแก" ปิ่นถามด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ที่เพื่อนที่คบกันมาสิบกว่าปีอย่างฉันรู้ทันทันทีว่ามีอะไรซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มนั่น

 "ไม่ต้องเลยนะปิ่น ฉันไม่คิดอะไรกับเขาทั้งนั้น" ฉันพูดเสียงเฉียบขาด เล่นเอาปิ่นทำหน้าเซ็ง

 "เขาหล่อดีนะ" ปิ่นแหย่อีกรอบ ไม่ยอมแพ้ใช่ไหมยัยปิ่น ถ้ายังงั้นต้องเจออย่างนี้

 "ฉันจะฟ้องพี่ภู" ได้ผลล่ะทีนี้ เพื่อนรักของฉันเงียบกริบ ก็มันน่ะอยู่ในโอวาทของแฟนจะตาย และที่สำคัญแฟนมันขี้หึงสุดๆ ถ้ารู้ว่าเพื่อนรักของฉันไปชมใครว่าหล่อมีหวังมันต้องตามง้อสามวันแปดคืน
 
 

 "หา!? แม่ว่าไงนะคะ จะให้พ่อเลี้ยงขับรถพาเที่ยว? ลำบากแกเปล่าๆ คะแม่ อายุอานามก็ตั้งเท่าไหร่ แถมเมื่อวานขับรถซะทั่วเมืองเชียว" ฉันอดไม่ได้ที่จะประชด แต่แม่กลับไม่ว่าแถมยังหัวเราะคิกคักชอบใจ

 "เมื่อวานแม่บอกให้พ่อเลี้ยงช่วยถ่วงเวลาเองแหละ กลัวว่าหนูปิ่นจะมาไม่ทันน่ะสิ พอหนูปิ่นมาถึงปุ๊บ แม่ก็กริ๊งกร๊างไปบอกพ่อเลี้ยงให้พากลับมาได้"
 
 อ้อ..อย่างนี้นี่เอง แสดงว่าฉันด่าคนผิดล่ะสิเนี่ย ความจริงฉันต้องด่ายัยปิ่นมากกว่าที่คิดแผนการบ้าๆ นี้ขึ้นมา ให้ตายสิ แต่ก่อนไม่เห็นเป็นคนอย่างนี้เลย

 "พี่ภูเขาต้นคิดนะ" นั่นไง บอกแล้วว่าฉันกับปิ่นมองตาก็รู้ใจ แค่มองไปแว๊บเดียวมันก็รู้ว่าฉันด่ามันในใจ

 "ช่างเถอะๆ แต่มันจะไม่รบกวนเขาเกินไปเหรอคะ ให้กวางขับรถไปเองดีกว่า สะดวกดีด้วย" ฉันพยายามหว่านล้อมคุณแม่คนสวย
 
 "แน๊ ไม่เอาหรอก หนูปิ่นเขาพาแฟนมาด้วย ก็ให้เขาอยู่กับแฟนไปสิ ส่วนเราก็อยู่กับพ่อเลี้ยงไป บรรยากาศเมืองเหนือเนี่ย ทำให้คนรักกันยิ่งขึ้นจริงไหมจ๊ะตาภู?"

 อ้อ...ที่แท้ก็แผนจับคู่นี่เอง ฉันน่าจะเดาออกตั้งแต่แรกแล้วนะ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันทำใจเอาไว้แล้วล่ะ ทำใจตั้งแต่ตัดสินใจมาอยู่กับแม่ นี่ฉันยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าแม่ฉันกำลังจับคู่ให้ฉันกับอีตาพ่อเลี้ยงนั่น และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ยังไม่เจอหน้ากันเลยทีเดียว
 

 สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยก็คือ แม่กำลังจับคู่ให้ฉันกับ.....พ่อม่ายลูกติด ฉันก็เพิ่งรู้ว่าอีตาพ่อเลี้ยงอะไรเนี่ยมีลูกแล้ว ประวัติการสมรส...เคยหย่ามาแล้วครั้งนึง และหย่าเมื่อปีก่อนนี่เอง ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าแม่คิดยังไง ถึงอยากดองกับหมอนี่ จะว่าเรื่องเงินก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าถึงแม่จะเป็นคนเก็บเงินเก่ง แต่แม่ก็ไม่ใช่คนที่จะเอาลูกไปประเคนให้คนรวยๆ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ

 "พร้อมหรือยังครับ?" พ่อเลี้ยงถามเสียงใส มือก็กุมมือลูกชายตัวน้อย อายุประมาณ 4-5 ขวบ

 เห็นลูกพ่อเลี้ยงแล้วฉันก็สะท้อนใจ ฉันยังจะได้อยู่เลยตอนที่แม่เก็บข้าวของออกไปจากบ้าน วันนั้นฉันร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด ปากก็ร้องบอกไม่ให้แม่ไป แล้วก็ไปดึงขาพ่อบอกให้พ่อรั้งแม่เอาไว้ แต่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆ ร้องไห้อยู่คนเดียว

 ....แล้วแม่จะมาหาบ่อยๆ นะ....แม่พูดคำนี้พร้อมๆ กับจูบที่หน้าผากฉันทีนึงก่อนไป ฉันวิ่งไปเกาะขาแม่ ขอไปกับแม่ แต่พ่อก็มาจับตัวฉันเอาไว้ ถ้าฉันตาไม่ฝาด ฉํนเห็นน้ำตาของแม่ไหลลงมาเป็นทาง และนี่เป็นเหตุผลที่ฉันไม่เคยโกรธแม่ เพราะฉันรู้...รู้ว่าแม่เสียใจไม่แพ้ฉันเลย แต่ความจำเป็นบางอย่างทำให้แม่ต้องไป

 
 พ่อเลี้ยงขับรถขึ้นดอยพาฉันไปไหว้พระ แล้วก็ดูดอกไม้ แต่สิ่งที่ฉันเห็นก็คือ น้องลูกหินไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่มองเหม่อ ไม่ร้อง ไม่หือ ไม่อือ ไม่อะไรสักอย่าง พ่อเลี้ยงจูงไปทางไหนก็ไป แต่แววตาเศร้าของเด็กน้อยทำให้เธออดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้

 "น้องลูกหินครับกินช็อกโกแลตไหม" ฉันยื่นถุงเอ็มแอนด์เอ็มถุงใหญ่ให้น้องลูกหิน น้องลูกหินมองแล้วก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ ทำเอาฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่
 

 "แกเป็นอย่างนี้เสมอเหรอคะ?" ฉันถามพ่อเลี้ยงตอนที่เดินมาซื้อน้ำกันสองคน ความจริงพ่อเลี้ยงจะมาคนเดียวแหละค่ะ แต่ฉันขอเสนอหน้ามาด้วย เพราะเห็นน้องลูกหินแล้วอดคิดถึงตัวเองสมัยก่อนไม่ได้

 "ครับ!?" พ่อเลี้ยงทำหน้าสงสัย ทีเรื่องอื่นฉลาดนัก

 "น้องลูกหินน่ะค่ะ แกเงียบอย่างนี้เสมอเหรอ" ฉันพูดตรงประเด็น ฉันสังเกตว่าหน้าของพ่อเลี้ยงเสี้ยวนึงดูเคร่งเครียดไปมาก เขาคงกังวลจริงๆ

 "ครับ" เขาตอบอย่างจนใจ "ความจริงก็หลังจากแม่ของแกออกไปจากไร่นี่แหละ"

 "แกคงคิดถึงแม่" ฉันทอดเสียงยาวอย่างเข้าใจความรู้สึก ทำไมฉันจะไม่เข้าใจล่ะ เพราะฉันก็เคยนอนร้องไห้คิดถึงแม่ปานจะขาดใจแล้วนี่นา "แกร้องไห้หาแม่หรือเปล่าคะ?"

 พ่อเลี้ยงเขาคงแปลกใจไม่น้อยที่ฉันดูห่วงใยลูกของเขาขนาดนี้ เพราะแววตาของเขาดูฉงนฉงายเป็นที่สุด แล้วฉันก็คลี่ยิ้มบางเบาให้เขาเป็นครั้งแรกก่อนที่จะบอกออกไป

 "พ่อกับแม่ของฉันเลิกกันตอนฉันอายุเท่าลูกหินเนี่ยแหละค่ะ ฉันร้องไห้หาแม่ทุกคืนเลย เพราะทุกคืนแม่จะเล่านิทานให้ฉันฟังก่อนนอน แต่พอพ่อมาเล่ามันก็ไม่เหมือนกับที่แม่เล่า เพราะว่าแม่จะม่ลีลาในการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร"

 "ลูกหินสนิทกับแม่มากครับ เพราะส่วนใหญ่ผมจะทำงานในไร่มากกว่า ทีแรกแม่ของลูกหินก็จะเอาแกไปอยู่ด้วย แต่ผมไม่ยอม ตอนนั้นผมคิดว่าลูกอาจจะเป็นทางเดียวที่จะดึงเธออยู่กับผม แต่ผมคิดผิด" พ่อเลี้ยงถอนหายใจยาวอย่างอึดอัด ฉันก็ได้แต่มองเขาอย่างเห็นใจ ความจริงคนที่ฉันเกลียดขี้หน้าคงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

 "คุณคงรักเธอมาก" ฉันพูดตามที่เห็น เพราะเขาก็ดูเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าลูกหิน เพียงแต่ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ และเก็บความรู้สึกได้ดีกว่า...ก็เท่านั้น

 คราวนี้พ่อเลี้ยงนิ่งเงียบ ไม่พูดตอบเลยสักคำ นี่ฉันคงจะถามเรื่องที่มันส่วนตัวเกินไปล่ะมั้ง ปากฉันไวไปหน่อยจนลืมคิดไปว่าฉันเพิ่งรู้จักตัวเป็นๆ ของพ่อเลี้ยงได้ไม่กี่วันเอง

 "ขอโทษค่ะ เราไปหาพวกนั้นเถอะ" ฉันพูดขอโทษจากใจ ก่อนที่จะเดินนำหน้าพ่อเลี้ยงไป ฉันไม่อาจจะรู้ได้หรอกว่าเขาจะคิดยังไง หรือจะรู้สึกยังไง แต่นั่นก็เป็นปัญหาของเขา แต่สิ่งที่ลูกหินคิดและรู้สึก ฉันเองก็พอรู้ เพราะเคยผ่านมาก่อน ฉันถอนหายใจยาวแล้วหันไปมองหน้าพ่อเลี้ยง

 "อย่าปล่อยให้แกอยู่คนเดียวนะคะ อย่าทำงานมากจนลืมแก เพราะตอนนี้แกเปราะบางมาก"

 ฉันทิ้งคำพูดเอาไว้เท่านั้นแล้วก็เดินดิ่งมาคนเดียว เรื่องในครอบครัวเข้าไปยุ่งมากก็ไม่ได้ แต่ยังไงก็ต้องให้คิดบ้างล่ะนะ เพราะดูท่าทางพ่อเลี้ยงจะทำแต่งานมากกว่า ทำงานเพื่อลืมใครบางคน แต่กลับทำให้ละเลยใครอีกคน...ที่สำคัญ
 
 วันนั้นฉันก็ทำตามที่แม่บอกปล่อยให้ปิ่นอยู่กับแฟน แค่มันมาหาฉันที่นี่ฉันก็ดีใจมากแล้ว ไม่จำเป็นที่มันจะต้องเกาะติดฉันเป็นตังเมหรอก อีกอย่างตอนนี้ฉันอยากจะคุยกับเจ้าหนูลูกหินให้ได้มากกว่า ถ้าฉันเดาไม่ผิด แกคงจะเหงา และโหยหาความอบอุ่น

 "พี่สาวจะมาแต่งงานกับพ่อของผมเหรอครับ?" น้องลูกหินพูดประโยคแรกก็เล่นเอาฉันแทบจะสำลักน้ำลายตาย ดีนะว่าอยู่กันแค่สองคน ฉันมองตาแป๋วๆ ของน้องลูกหินที่มีแววเศร้าแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที
 
 "เปล่าครับ พี่กวางจะมาเป็นเพื่อนของลูกหินต่างหาก" ลูกหินทำหน้างงๆ แบบที่ฉันไม่สามารถเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่ แล้วก็มองฉันอย่างพิจารณา

 "พี่กวางแก่กว่าผมตั้งหลายปี จะมาเป็นเพื่อนผมได้ยังไงล่ะครับ" คำพูดของลูกหินเล่นเอาฉันต้องหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู ที่แท้ก็คิดเรื่องนี้อยู่นี่เอง

 "เป็นได้สิครับ ความเป็นเพื่อนไม่จำกัดวัยหรอก" ฉันพูดพลางเอามือลูบหัวเขาเบาๆ แล้วหอมแก้มไปทีหนึงอย่างยั้งใจไว้ไม่อยู่ นี่ฉันกำลังจะเลี้ยงต้อยเหรอเนี่ย แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของฉันจะเรียกรอยยิ้มของลูกหินได้...เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่เขายิ้มให้ฉัน

 "ตกลงครับ แต่พี่กวางไม่ได้จะมาเป็นแม่ใหม่ผมอย่างที่ใครๆ บอกแน่นะครับ" น้องลูกหินถามฉันเพื่อความแน่ใจ แกคงกลัวว่าใครจะมาแทนที่แม่ของแก

 "แน่นอนครับ พี่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวเลยแม้แต่นิดเดียว พี่บอกความลับให้ก็ได้ เอียงหูมาสิ" แล้วฉันก็กระซิบเบาๆ กับน้องลูกหินว่า "....พี่มีคนรักอยู่แล้ว"

 "ความลับนะครับ" ฉันพูดยิ้มๆ แต่น้องลูกหินยิ้มกว้างมากกว่า แกคงโล่งใจที่ฉันไม่มาแย่งพ่อของเขาไป ฉันรู้...ในใจลึกๆ น้องเขาคงหวังว่า...สักวันพ่อกับแม่ของเขาคงกลับมาคืนดีกัน เหมือนกับที่ฉันเคยหวัง

 
 
 เย็นนั้นฉันนั่งจัดข้าวของกระจุกกระจิกที่ฉันบอกกับแม่ว่าจะเป็นคนเก็บเอง ส่วนปิ่นก็ไปช่วยแม่ฉันทำกับข้าว เฮ้อ...พอปิ่นกลับไปฉันต้องคิดถึงปิ่นอย่างแน่นอน ก็ในเมื่อฉันกินอาหารฝีมือปิ่นมาเกือบสองปีแล้วนี่นา

 ฉันมองของกระจุกกระจิกที่ใครๆ หลายคนบอกว่ามันเป็นขยะ แต่ขยะในสายตาของใครต่อหลายคนมันกลับสร้างความอบอุ่นให้ฉํนอย่างประหลาด ฉันหยิบสมุดวาดเขียนสมัยฉันยังอยู่อนุบาลขึ้นมาเปิดดูก็เห็นว่าในสมุดวาดเขียนนั้นฉันมักจะวาดรูปครอบครัวที่มีพ่อมีแม่แล้วก็ฉันอยู่เสมอ แต่ถามถึงตอนนี้ฉันจำไม่ได้แล้วล่ะว่า เวลานั้นมันเป็นยังไง มันถูกซ่อนเอาไว้ในลิ้นชักที่อยู่ลึกที่สุดของความทรงจำ ฉันจมอยู่กับรูปภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะเก็บมันเข้าชั้นหนังสือ

 "พี่กวางฮะ ไปกินข้าวได้แล้วครับ" เสียงน้องลูกหินดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันหันหลังไปมองลูกหินก่อนที่จะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วเดินไปล้างมือให้สะอาด  

 ฉันเอื้อมมือไปกุมมือเด็กน้อยที่กำลังทำหน้านิ่ง ฉันไม่อาจเอื้อมที่จะเป็นแม่ให้แก แต่ฉันจะเป็นเพื่อนให้แกเมื่อยามแกเหงา ถึงจะเด็กยังไง แต่มีเพื่อนมันก็ดีกว่าจริงไหม...

 เย็นวันนั้นฉันก็เลยนั่งคุยเล่นกับลูกหิน แกก็ถามคำตอบคำแต่ก็ดูร่าเริงขึ้นนิดหน่อย ฉันเองก็หวังแต่ว่าเวลาจะช่วยเยียวยา และบาดแผลจะทำให้แกแข็งแกร่งขึ้น พอพ่อเลี้ยงทานข้าวเย็นตามคำเชิญของแม่ฉันเสร็จก็ขอลากลับ แม่ฉันทำท่าเสียอกเสียใจใหญ่ ท่าทางจะชอบพ่อเลี้ยงเข้าแล้วจริงๆ ฉันล่ะสงสัยว่าถ้าแม่สาวกว่านี้สัก 20 ปี แม่จะลงไปช่วยรักษาแผลใจพ่อเลี้ยงหรือเปล่า คิดไปก็เหมือนกับนินทาแม่ตัวเองในใจ แต่ท่าทางของแม่บอกจริงๆ ว่าถูกใจพ่อเลี้ยงมากๆ

 
 แต่พ่อเลี้ยงเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็หยุดเดิน ไม่ใช่พ่อเลี้ยงเองหรอกค่ะที่หยุดเดิน แต่เป็นเจ้าหนูลูกหินมากกว่า ดูเหมือนว่าคนเก่งของแม่จะเกิดปัญหาเสียแล้ว ฉันเห็นพ่อเลี้ยงก้มหน้าไปคุยกับน้องลูกหิน แต่น้องลูกหินก็ส่ายหัว แล้วก็มองมาทางฉัน ฉันเลยยิ้มให้บางๆ รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แล้วลูกหินก็ปล่อยมือพ่อเลี้ยงแล้วก็วิ่งตรงมาทางฉัน

 "พี่กวางมากับลูกหินหน่อยได้ไหมครับ" ว่าแล้วน้องลูกหินก็ฉุดฉันไปในมุมมืด แหมถ้าเป็นเด็กหนุ่มเนี่ย ฉันคิดว่าจะคิดมิดีมิร้ายกับฉันแล้วนะเนี่ย

 
 "มีอะไรครับ" ฉันถามเสียงนุ่ม แล้วนั่งยองๆ ให้ความสูงของเราทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน

 "เป็นความลับนะครับพี่กวาง" น้องลูกหินพูดพลางทำหน้ากังวล ฉันก็ได้แต่กลั้นหัวเราะ แล้วก็พยักหน้า พลางแกล้งทำหน้าตาจริงจังใส่
 
 "ครับ" ฉันตอบออกไปอย่างหนักแน่น

 "ลูบหัวกับหอมแก้มลูกหินหน่อยได้ไหมครับ" น้องลูกหินพูดจบก็หน้าแดงแปร๊ด คำพูดของเด็กตัวเล็กๆ ทำให้ฉันยิ้มออกมาอย่างกว้างขวาง เด็กก็ยังเป็นเด็ก ไร้เดียงสา น่ารัก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่ของเขาจะใจแข็งทิ้งลูกไปได้ลง

 แทนคำตอบ ฉันลูบหัวน้องลูกหินอย่างรักใคร่ แล้วลูบเลยไปถึงแก้มน้อยๆ แล้วหอมแก้มเบาๆ ข้างละที ฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมตอนที่ฉันทำอย่างนี้เมื่อตอนกลางวันน้องลูกหินถึงยิ้มได้ คงเป็นเพราะแม่ของน้องลูกหินทำอย่างนี้ตอนก่อนที่จะจากไปนี่เอง และที่แน่ๆ อีตาพ่อเลี้ยงนั่น คงไม่เคยหอมแก้มลูกเลย เอาเถอะ ถ้าไม่มีใครหอม ฉันหอมแก้มแทนก็ได้ สัมผัสเพียงเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าได้รับความรัก แต่ทำไมพ่ออย่างพ่อเลี้ยงถึงได้ละเลยกันนะ

 "ฝันดีนะครับ" ฉันพูดเบาๆ กับเด็กชาย น้องลูกหินยิ้มให้ฉํน ก่อนที่จะวิ่งตื๋อไปหาพ่อของเขา เด็กนี่น่ารักดีจัง...อ้อ ที่น่ารักน่ะ แค่เด็กนะคะ ส่วนผู้ใหญ่น่ะ ไม่รับประทานหรอก

 
 คืนนั้นฉันขอทรยศเพื่อนรักโดยการหนีไปนอนกับแม่ ไม่รู้สิ พอฉันเห็นน้องลูกหินก็เหมือนเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในตอนเด็ก และะมันก็ทำให้ฉันอยากกลับไปเป็นเด็กเหมือนแต่ก่อน ฉันขนหมอนไปหนึ่งใบ แล้วเดินไปที่ห้องของแม่ แล้วถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
 
 "กวางนอนด้วยนะคะ" ฉันพูดแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง
 
 "อ้าว แล้วไม่นอนกับหนูปิ่นเหรอ?" แม่ถามพลางทำหน้าสงสัย ฉันส่ายหน้าเบาๆ แล้วดึงมือแม่มาจับเอาไว้ จากนั้นก็มองแม่อ้อนๆ
 
 "แม่เล่านิทานให้กวางฟังหน่อยสิคะ" แม่มองฉันด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะลูบหัวฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน ฉันชอบเวลาที่แม่ทำอย่างนี้เสมอ ฉันรู้สึกอบอุ่น และสามารถย้อนเวลาไปในคืนวันเก่าๆ ได้ แม้ฉันจะรู้ดีว่าไม่ว่าจะทำยังไงทุกอย่างก็ไม่มีทางเหมือนเดิม แต่ว่าความรักของแม่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีๆ มันก็ยังเหมือนเดิม

 "ทำตัวเป็นเด็กไปได้เรา โตจะตายอยู่แล้ว" แม่พูดยิ้มๆ ทำให้ฉันยิ้มตาม

 "ถ้าแม่ชอบกวางจะเป็นเด็กน้อยของแม่ตลอดไป" ฉันพูดอย่างเอาใจ ทำให้แม่ส่ายหน้าช้าๆ

 "อีกหน่อยลูกแม่ก็ต้องไปเป็นเจ้าสาวของคนอื่น" แม่พูดเรื่อยๆ

 "ไม่หรอกค่ะ กวางจะอยู่กับแม่ตลอดไป กวางไม่ไปไหนทั้งนั้น" ฉันพูดอ้อนๆ

 "แต่แม่อยากให้กวางมีคนคอยดูแลมากกว่า แม่จะอยู่ได้อีกกี่ปีกันเชียว จริงไหม?" แม่พูดพลางลูบผมฉํนอย่างแผ่วเบา ทำให้ฉันสลดไปทันที

 "แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เราเพิ่งจะได้มาอยู่ด้วยกัน อีกอย่างกวางเชื่อว่าแม่ยังอยู่กับกวางอีกนาน"

 "จ้าๆ แต่กวางไม่ลองพิจารณาพ่อเลี้ยงดูบ้างเหรอ แกเป็นคนดีนะ" คำถามของแม่ทำให้ฉันหน้ามู่ทู่ไปทันที

 "แม่พูดถึงเขา เสียบรรยากาศหมด" ฉันพูดพลางทำหน้าง้ำ ทำไมแม่ถึงชอบเขานักนะ

 "ก็ได้ อยากฟังนิทานเรื่องอะไรล่ะ...."

 คืนนั้นฉันจำไม่ได้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงแต่ว่าขณะที่ฉันหลับ ฉันได้ยินเสียงแม่เล่านิทานเบาๆ แล้วลูบหัวฉันราวกับว่าฉันเป็นเด็กน้อย ในฝัน ฉันฝันถึงตอนที่พ่อแม่พาฉันไปเที่ยวสวนสัตว์ พวกเรามีความสุขมาก มีความสุขจนฉันไม่อยากจะตื่นเลยทีเดียว

<<<   ไปที่ตอน    1    2    3       5    6    7    8    9    10    PosTscrIpt   >>>>