pue's tales ; tales from pue
first love 1
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
แรกพบ

เรื่องของผมกับเธอนะเหรอ มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนน้า ไม่รู้สิ ผมเดาไม่ออกหรอกว่าเรื่องของเรามันเริ่มตรงจุดไหน แต่ถ้าถามว่าเรื่องของผมที่มีต่อเธอมันเริ่มตอนไหน ผมสามารถตอบได้ทันทีว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอเธอเลยทีเดียว วันปฐมนิเทศน์เข้าเรียนตอนม.1 ผมยังจำได้ดี วันนั้นผมเดินเข้ามาในรั้วโรงเรียนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบลงมาอ่อนๆ วันนั้นถือว่าเป็นวันที่อากาศดีวันหนึ่งเลยทีเดียว ผมเดินไปตามทางเดินเพื่อที่จะไปห้องประชุม ตอนนี้มีแต่นักเรียนชั้น ม.1 และม.4 เดินไปเดินมา เพื่อนๆ ชั้นม.1 ก็ทำท่าหวาดๆ เหมือนกันทุกคน บางคนดีหน่อยมากับเพื่อนก็เดินคุยกันไป
 
"ขอโทษ" ผมเซไปข้างหน้านิดหน่อยตามแรงชนของคนๆ นึง ผมคาดว่าเขาคงวิ่งมาโดยที่ไม่มองทาง ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เซไปข้างหน้าอย่างนี้หรอก
 
"ไม่เป็นไรครับ" ผมตอบไปโดยอัตโนมัติ ตามแบบฉบับของผม พอผมตั้งหลักได้ ก็หันไปหาเด็กผู้หญิงที่วิ่งมาชนผม
 
"ไม่ได้ตั้งใจ โทษทีนะ" เธอยิ้มแหยๆ ให้ผม ทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ตากลมโตของเธอยังดูเป็นประกาย แม้แต่เวลาที่เธอขอโทษขอโพย ผมเปียของเธอที่ถักเอาไว้ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย "นายไม่เป็นไรนะ" เธอพูดพลางเลิกคิ้วสูงข้างนึง
 
"ไม่เป็นไร" ผมพูดพลางยิ้มให้เธอ ความรู้สึกแรกที่ผมคิดเกี่ยวกับเธอคือ ผู้หญิงคนนี้ยิ้มน่ารักดี ถ้ามีใครสักคนมาถามผมว่าผมชอบใครที่ตรงไหน ผมคงต้องตอบว่าที่รอยยิ้มเนี่ยแหละ
"นัต เป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงเพื่อนของเธอถามขึ้น นัต เธอชื่อนัต
 
"ถ้านายไม่เป็นอะไร ฉันไปก่อนนะ" เธอพูดพลางยิ้มให้ผมหนึ่งที ก่อนจะวิ่งไปหาเพื่อนๆ ก็เธอ ผมอมยิ้มน้อยๆ ก็วิ่งอย่างนี้แหละนะ ถึงได้วิ่งชนผม ผมส่ายหัวอย่างอารมณ์ดี
 
"เฌ ไม่คิดเลยว่าเฌจะเรียนที่นี่ นึกว่าจะไปเรียนที่อังกฤษเสียอีก" เสียงฟ่างเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยประถมทักขึ้น พลางวิ่งตรงมาทางผม และหยุดยืนหอบๆ
 
"แม่ยังไม่อยากให้ไปน่ะ" ผมพูดยิ้มๆ "ไปกันเถอะ ใกล้เวลาแล้ว" ผมพูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา แล้วพยักหน้าเดินนำฟ่างไป
 
วันนั้นทั้งวันผมอดที่จะชำเลืองมองดูนัตไม่ได้ นัตท่าทางจะมีเพื่อนเยอะ เพราะแค่วันแรกก็คุยกับเพื่อนเสียงดัง จนอาจารย์ต้องส่งสายตาดุๆ มาหลายครั้ง ผมล่ะอดที่จะอมยิ้มกับท่าทางของนัตไม่ได้เลยทีเดียว แต่ก็น่าเสียดายอย่างนึง ผมกับนัตอยู่คนละห้อง ผมยอมรับล่ะครับว่าผมเสียดายมากๆ
 
 
ผมได้อยู่ห้อง 1 ซึ่งถือว่าเป็นห้องคิงของระดับ ส่วนนัตอยู่ห้อง 10 มันก็ไม่เลวร้ายมากหรอกครับ แต่นั่นก็ทำให้เราสองคนต้องอยู่ห่างกัน แต่โชคดียังเป็นของผมอยู่ที่อาคารเรียนมันเป็นรูปตัวยู ห้องของผมกับนัตเลยอยู่ตรงข้ามกัน บางทีผมจึงเห็นนัตออกมาเดินเล่นกับเพื่อนที่ระเบียงอย่างสนุกสนาน การแอบมองนัตเป็นความสุขของผมอย่างหนึ่งในชีวิตตอนม. 1 แหละครับ การที่ได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนึงยิ้ม หัวเราะอย่างสนุกสนาน อยู่ฝั่งตรงข้ามของอาคาร
 
"เฌ มองอะไรเหรอ" เสียงฟ่างพูดขึ้น พลางมองตามสายตาของผม
 
"เปล่า" ผมตอบพลางหันไปยิ้มให้กับฟ่าง
 
"พวกห้อง 10 " ฟ่างพูดพลางย่นจมูก และทำท่าไม่พอใจ ทำให้ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
 
"ทำไมเหรอฟ่าง" ผมถามด้วยความสงสัย
 
"ไม่มีอะไรหรอกเฌ ไปซื้อขนมเป็นเพื่อนหน่อยสิ" ฟ่างยิ้มอย่างอารมณ์ดี พลางกระตุกแขนผมเบาๆ ผมพยักหน้าด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อไป ถ้าไม่อยากพูดผมเองก็ไม่อยากจะถามอะไรมากมาย ผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะมาซักไซ้ไล่เลียงเสียด้วยสิ แต่ไม่นานผมก็ได้รู้ความจริงบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ความจริงที่ว่านั้นก็คือ ห้องผมกับห้องนัตไม่ถูกกัน
 
"พวกผู้ลากมากดีเดินมาว่ะ สงสัยสามัญชนอย่างพวกเราต้องช่วยกันปูพรมแดง" เสียงเด็กผู้ชายในกลุ่มของนัตพูดจากวนๆ เมื่อพวกเราก้าวเท้าเข้าโรงอาหาร ผมอยากจะรู้เหลือเกินว่านี่มันคืออะไร ที่สำคัญ นัตยังทำหน้ากวนๆ ใส่พวกผมอีก ผมกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบากเมื่อมองหน้านัตยามนี้ ผมเปียของเธอทั้งสองข้างถูกปัดไปไว้ข้างหลัง
 
"รู้ตัวก็ดี พวกคนชั้นต่ำ" เสียงหมิง เพื่อนในกลุ่มของผมอีกคนตกกลับไป ทำให้ตานัตลุกวาวขึ้นมาทันที นัตลุกขึ้นและเดินมาทางพวกผม และมองหน้าหมิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ผมไม่ชอบนัตเวลาอย่างนี้เลยให้ตายสิ
 
"พวกเธอว่าใคร" นัตถามเสียงแข็ง พวกเพื่อนๆ ของนัตเดินตามมาข้างหลัง พร้อมที่จะมีเรื่องทุกเมื่อ
 
"สมแล้วที่อยู่ห้อง 10 ไม่ฉลาดเอาเสียเลย" หมิงพูดอย่างถือดี ทำให้ผมส่ายหัวด้วยความระอา ให้ตายสิ ผู้หญิงทำไมถึงชอบทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องนะ
 
"งั้นก็โดนคนไม่ฉลาดตบหน่อยดีกว่าไหม" เสียงนัตพูดเสียงเข้ม พลางเงื้อมือขึ้นมาด้วยความโมโห ส่วนหมิงนะเหรอ หลับตาปี๋ด้วยความกลัว ก็กลุ่มพวกผมถือว่าเป็นคุณหนูทั้งนั้น เคยตบตีกับใครสักที่ไหน
 
"เพี๊ยะ" เสียงฝ่ามือของนัตฟาดลงบนแก้มเสียงดัง ทำให้คนทั้งโรงอาหารหันมามอง มือหนักใช่เบา ทำไมผมถึงรู้นะเหรอครับ ก็ผมนี่แหละเอาตัวมาขวางหมิงเอาไว้ ทำให้ฝ่ามือพิฆาตของนัตโดนหน้าผมเต็มๆ ท่าทางนัตก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่ผมเข้ามาขวาง
 
"เราขอเถอะนัต แล้วก็ขอโทษแทนเพื่อนด้วย" ผมพูดขอร้อง นัตเม้มริมฝีปากแน่น พลางมองหน้าผมอย่างชั่งใจ
 
"อะไร เกิดอะไรขึ้น" เสียงอาจารย์ท่านหนึ่งเดินมาดูพวกเรา ที่ตอนนี้เป็นจุดสนใจของคนทั้งโรงเรียน
 
"คือว่า....." ฟ่างพูดขึ้น
 
"เข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ" ผมรีบพูดสวนขึ้นมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันมามองผมด้วยความแปลกใจระคนตกใจ
 
"เฌ" เสียงหมิงร้องขึ้นเบาๆ
 
"ไม่มีอะไรแน่นะ แล้วหน้าเธอโดนอะไรล่ะนั่น" อาจารย์มองลอดแว่นออกมาอย่างจับผิด
 
"ครับ พอดีผมเดินไม่ระวัง แล้วนัตเขากำลังเหวี่ยงมือเล่นกับเพื่อน มันก็เลยมาโดนหน้าผม" ผมพูดเหมือนกับคิดมาล่วงหน้าทั้งๆ ที่ผมเพิ่งคิดขึ้นมาสดๆ เมื่อกี้นี้เอง
 
"ก็ดี เธอพาเพื่อนไปเอาอะไรประคบหน่อยไป" อาจารย์พูดจบก็เดินไป ฟ่างทำท่าจะพาผมไปห้องพยาบาลแต่นัตก็ขัดขึ้นมาก่อน
 
"ฉันพาไปเอง" นัตพูดขึ้น ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน ทีแรกฟ่างจะพูดค้าน แต่ผมก็ส่งสายตาประมาณว่าขอเถอะนะ ฟ่างจึงบอกว่าจะไปจองที่ก่อนแล้วให้ผมตามไปทีหลัง
 
ระยะทางจากโรงอาหารไปห้องพยาบาลก็ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ทำไมนะ ตอนนี้ผมอยากให้มันไกลสุดๆ ไปเลย ผมเดินมองนัตที่เดินนำหน้าผมไป นัตเงียบตลอดทาง ไม่พูดไม่จา ก้มหน้างุดๆ ราวกับคิดอะไรอยู่ ผมลอบถอนหายใจด้วยความหนักใจ ผมไม่ชอบให้นัตเป็นอย่างนี้เลย ผมชอบเวลานัตยิ้มแย้มมากกว่า
 
"นายรู้จักชื่อฉันได้ไง" นัตพูดขึ้นพลางหันมามองหน้าผม เอาละสิ ผมจะตอบว่ายังไงดี
 
"ก็เห็นเพื่อนๆ เรียกกัน" ผมตอบตามตรง นัตเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงแปลกใจ แล้วหันกลับไปเดินต่อ ตอนนี้พวกเราอยู่หน้าห้องพยาบาลแล้วล่ะครับ พอถึงห้องพยาบาลอาจารย์ก็เอาน้ำแข็งมาให้ผมประคบ นัตยื่นมือไปรับน้ำแข็งจากมือของอาจารย์ประจำห้องพยาบาลมาประคบให้ผม ผมมองหน้านัตด้วยความสงสัย แต่ก็ปล่อยให้เธอประคบ ความจริงมันก็ไม่ร้ายแรงถึงขนาดต้องประคบหรอกครับ แต่โรงเรียนของผม สวัสดิภาพของนักเรียนคือสิ่งสูงสุดที่โรงเรียนต้องรักษา เพราะโรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีลูกหลานของคนมีอันจะกินมาเรียนมากมาย ถึงขั้นที่มีการแบ่งชั้นกันเลยล่ะ ก็จะมีพวกเศรษฐี ผู้ดี พวกรวยมากๆ จะอยู่กลุ่มนึง แล้วพวกชนชั้นกลาง อีกพวกนึง ซึ่งคงเดาไม่ยากใช่ไหมล่ะครับว่าผมกับนัตอยู่คนละฟาก และใครอยู่กลุ่มไหน
 
"มองอะไร" นัตตวาดผมเบาๆ เมื่อเห็นผมเอาแต่มองหน้าใสๆ ของเธอเขม็ง
 
"เปล่า เอ่อ ขอบคุณนะ" ผมพูดพลางยิ้มให้เธอ
 
"ไม่เป็นไร ฉันเป็นสาเหตุนี่ เอ่อ ขอโทษด้วยล่ะกัน" นัตพูดอุบอิบ ทำให้ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ นี่สินัตที่ผมรู้จัก "แต่นายก็ไม่น่าจะเอาหน้ามาขวาง ฉันตั้งใจจะตบยัยหมิงอะไรนั่นต่างหาก"
 
"ก็หมิงเขาเป็นเพื่อนผมนี่ อีกอย่างผมไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลัง โอ้ย เจ็บนะ" ผมร้องเสียงดังเมื่อนัตกดน้ำแข็งลงมาที่หน้าผมอย่างแรง
 
"เข้าข้าง" นัตพูดพลางตัดพ้อผมอยู่ในที ทำให้ผมรู้สึกว่าผมพูดอะไรผิดไปเสียแล้ว
"เปล่านะ ผม......."
 
"ใช่สิ พวกฉันมันไม่ได้เป็นผู้ดี คนรวยเหมือนพวกนายนี่" นายมองหน้าผมโกรธๆ แล้วปาถุงน้ำแข็งเอาไว้ข้างๆ ตัวผม แล้วหันหลังออกไปจากห้องพยาบาลทันที เฮ้อ ไม่ฟังกันเลย ความรักของผมมีแววแห้วมาแต่ไกลเลยแหะ
 
********************************************************************************************************************
 

ตอนที่ 1 แรกเริ่มพบสบตา [nutt]

 ความทรงจำที่เกี่ยวกับเฌนะเหรอ ถ้าให้เล่าก็ได้นะ แต่มันเริ่มต้นไม่สวยหรูหรอก เราเจอกันครั้งแรกก็เหมือนพระเอกเจอนางเอกในนิยายน้ำเน่าเลยล่ะ เดินชนกัน มองตากันเพียงชั่วครู่พอให้ใจตึกตัก แล้วก็แยกกันไป และรอเวลาให้บุพเพอาละวาดให้พวกเราโคจรมาอยู่ใกล้ๆ กัน
  


 
 วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก และเป็นวันแรกที่ฉันได้ข้ามขั้นจากการเป็นเด็กขึ้นมาเป็นวัยรุ่น และเป็นวันแรกที่ฉันได่ใส่เครื่องแบบนักเรียนม.ต้น ชุดนักเรียนม.ต้นของฉันก็น่ารักใช้ได้เลยล่ะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องใส่เสื้อปกกะลาสีเรือ แล้วใส่คอซอง แต่เป็นเสื้อแขนส้น ปกตุ๊กตา ชายเสื้ออกนอกกระโปรงที่พานพริ้วสวย มีโบเส้นเล็กๆ ผูกอยู่ที่บริเวณสาบเสื้อ น่ารักดีไม่หยอก แต่กฎที่ทำให้ฉันปวดหัวของโรงเรียนนี้คือ นักเรียนทุกคนต้องถักเปียมาโรงเรียน โอ้แม่เจ้า ฉันไม่ชอบอย่างแรง ฉันอยากจะตามหาคนที่คิดกฎบ้าๆ ข้อนี้ขึ้นมาจริงๆ เพราะมันทำให้แม่ฉันฉวยโอกาสถักเปียสองข้างให้ฉันมาโรงเรียน คุณนายบอกว่ามันน่ารักสมกับเป็นลูกสาว ฉันจะบ้าตาย


 โรงเรียนใหม่ของฉันเป็นโรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำจังหวัดเลยล่ะ และที่สำคัญเป็นโรวเรียนเอกชนที่มีแต่พวกลูกคุณหนูมาเรียน ฉันไม่เข้าใจความคิดพระบิดาจริงๆ ว่านึกอย่างไรถึงส่งลูกสาวที่แสนจะโลโซมาเรียนที่นี่ แต่ก็ช่างเถอะ ลองดูสักตั้งก็ดีเหมือนกัน และอย่างน้อยๆ ฉันก็มีเพื่อนมาเรียนที่นี่ 4-5 คน นั่นก็พอทำให้ฉันไม่เหงาแล้วล่ะ พูดถึงเพื่อน ฉันเห็นหัวยัยโบโผล่มาไกลๆ แถมเสียงหัวเราะแปดหลอดใช่ยัยนั่นชัวร์ แต่จะเข้าไปทักธรรมดาน่ะเหรอ ไม่มีทาง ไม่ใช่ฉัน มันต้องแกล้งนิดนึง

 "โอ้ย นัต มาดึงโบเราอีกแล้วนะ" ฉันดึงโบของยัยโบแล้วตีหัวมันหนึ่งที จากนั้นเหรอค่ะ วิ่งสิค่ะ เพราะยัยโบเนี่ยมือมันอย่างกับเท้าช้าง โคตรหนักเลย ถ้าไม่วิ่งก็ไม่รอด

 "แบร่" ฉันหันมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่ยัยโบที่วิ่งยังกับเต่าคลาน ฉันเตรียมกันหลังวิ่งไปรอยัยโบและเพื่อนคนอื่นๆ ที่หน้าห้องประชุม แต่แล้ว

 "ขอโทษ" ฉันพูดขึ้นอัตโนมัติ เมื่อรู้สึกว่าฉันไปชนใครเข้า ก็แน่ละสิจะไม่ให้รู้สึกได้ยังไง ชนคนทั้งคน แถมชนผู้ชายเสียด้วย ฉันยืนตาปริบๆ ทำหน้าเหมือนลูกแกะน่าสงสาร ให้เขาให้อภัย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เรื่องชนแค่นี้เอง

 "ไม่เป็นไรครับ" โห อีตานี่คุณชายเป็นบ้าเลย เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเห็นใครเก็กคุณชายได้เหมือนอีตานี่เลย แต่ก็เอานะ ท่าทางนิสัยดี ผ่านแล้วกัน เอาล่ะยิ้มให้ดีกว่า

 "ไม่ได้ตั้งใจ โทษทีนะ นายไม่เป็นไรนะ"

 "ไม่เป็นไร" โล่งอก นึกว่าจะเหมือนในหนังสือการ์ตูน ประมาณว่า ยัยบ้า เธอมันซุ่มซ่าม ดูสิ ทำคุณชายอะโฮ้เด๊ะ (ละเอาไว้เติมเอาเอง) ลูกชายเจ้าของบริษัทบะละฮึ้ย เกือบเสียโฉม ดังนั้นเธอต้องเป็นทาสฉัน แง่มๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันต่อยตานี่ตาบวมแน่ๆ โอเค ยิ้มให้อีกหนึ่งทีแล้วไปดีกว่า

 "นัต เป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงยัยโบส่งเสียงมา หน้าตามันตอนนี้คลายความโกรธไปเยอะ สงสัยจะเป็นห่วงเพื่อนหน้าตาน่าลัก(ไปฆ่า)อย่างฉัน

 "ถ้านายไม่เป็นอะไร ฉันไปก่อนนะ" เอาล่ะ ถึงเวลาสละเรือแล้ว ไปก่อนนะตาคุณชาย อันนี้คิด ไม่กล้าพูดหรอก กลัวจะมาบอกว่าเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท แล้วมาโกรธ เขาพยักหน้าให้ฉันหนึ่งที ก่อนที่ฉันจะเดินไปทางกลุ่มเพื่อนๆ

 "โบ เอ้า โบแก หายโกรธแล้วใช่ไหม" ฉันยื่นโบให้เพื่อนเลิฟของฉัน แล้วเดินลัลล้า "โป๊ก" ไม่ได้สงสัยเลย เท้าช้างของยัยโบฟาดมาที่หัวกลมๆ ของฉัน ถึงว่า คนเขาพูดกันว่าพายุใหญ่มักมาหลังฝนตกเสมอ เจ็บชะมัดเลยเพื่อนบ้าาาาาา

 

 เปิดเรียนมาได้ไม่นาน ความรุนแรงระหว่างชนชั้นก็เริ่มคุกรุ่นขึ้น อันที่จริง ฉันก็เรียบร้อยนะ ถ้าอยู่คนเดียว เพราะถ้ามีคนอื่นเปรียบเทียบฉันจะแก่นกระโหลกขึ้นมาทันที เอาน่า ก็ฉันเป็นของฉันอย่างนี้นี่นา

 ทีแรกพวกเพื่อนๆ ของฉันมาเล่าให้ฟังว่าพวกมันโดนพวกไฮโซมองด้วยสายตาเหยียดหยาม โดยเฉพาะพวกห้อง 1 ที่คิดว่าตัวเองดีเลิศ เพราะนอกจากบ้านรวยแล้วยังเรียนเก่ง ฉันละเซ็งจริงๆ โรงเรียนที่แบ่งห้องตามคะแนนเนี่ย แต่เรื่องโดนเหยียดหยามเนี่ย ไม่เจอด้วยตัวเองก็ไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่ามันยัวะแค่ไหน


 "ขอโทษ" เสียงฉันพูดเองแหละ ก็ดันพลาดตีวอลเลย์ไปโดนหลังเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะม้าหินข้างสนามวอลเลย์ ตายหล่ะหว่า ซวยจริงๆ เลยฉัน ความจริงฉันเองก็ไม่ได้เป็นตีหรอก ไอ้บื้อต่างหากเป็นคนตี (ความจริงมันไม่ได้ชื่อบื้อหรอก แต่มันชอบเอ๋อๆ ทำอะไรช้าๆ เลยตั้งให้มันซะอย่างนั้น)

 "ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหม" โอ็โห เจ๊มาจากไหนเนี่ย แม่น่าเอาเท้าลูบหลังให้หายเจ็บเลย แต่ฝ่ายเราผิดกัดฟันหน่อยแล้วกัน

 "ก็ขอโทษแล้วจะเอาอะไรอีก ค่ายาหรือไง" แม้ว่าจะกัดฟันแค่ไหน แต่ก็รู้แหละว่า น้ำเสียงตอนนี้มันเจือความโมโหสุดฤทธิ์ ถ้าตบมันตรงนั้นได้ตบไปแล้ว หนอย มันทำสายตาเหนียดหยาม มองฉันตั้งแต่หัวจดเท้า ทำปากเบ้แล้วพูดประมาณว่า ค่ายาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ค่าเสื้อเธอจะหามาใช้ได้หรือเปล่า ฉันเกือบวางมวยกับมันแล้ว ถ้ายัยบุ๋มไม่มาลากฉันออกไปเสียก่อน

 
 "แม่งคิดว่ามันเป็นใครว่ะ" ฉันโวยวายอย่างหัวเสีย เกิดมาไม่เคยโดนใครดูถูกขนาดนี้มาก่อน

 "ลูกสาวนักการเมืองไง ฉันสืบมาหมดแล้ว ยัยนั่นชื่อหมิง ส่วนอีกคนที่นั่งใกล้ๆ กันชื่อฟ่างเป็นลูกสาวข้าราชการชั้นสูง กลุ่มพวกนั้นนะ มีแต่พวกไฮโซ แกอยากรู้อะไรอีกไหม" เสียงยัยบุ๋มพูดขึ้นเซ็งๆ

 "ถึงว่าทำตัวไม่เห็นหัวใคร" เสียงแอมพูดขึ้น ฉันก็พยักหน้าเห็นด้วย

 "ไอ้โจพ่อมันรวจะตายยังไม่เห็นทำตัวอย่างนี้เลย ทุเรศว่ะ" ฉันด่าพลางส่งสายตาเหยียดหยามไปให้พวกมัน น่าฆ่าหมกส้วมนักไอ้พวกนี้ (แมวส้ม -- ไมนางเอกมันโหดจัง)

 "ใจเย็นๆ นัต สงครามยังไม่จบ" เสียงเพื่อนคนนึงของฉันพูดขึ้น ทำให้ฉันพยักหน้าเห็นด้วย ใช่ สงครามยังไม่จบ ยัยพวกนี้ไม่รู้จักเด็กห้องสิบเสียแล้ว

 

 ความจริงความสัมพันธ์ระหว่างฉัน (เฉพาะฉันนะ) กับเด็กห้อง 1 ก็ไม่เลวร้ายไปหมดทุกคนหรอก อย่างน้อยก็ตาคุณชายนั่นคนหนึ่งล่ะ จำได้ไหม คุณชายที่ฉันวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือ ตาลาตาลิงนั่นแหละ เพราะเวลาเดินสวนกันตาคุณชายนั่นจะยิ้มให้ฉันทุกที ก็เป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่ง แต่ที่ฉันทำให้ช็อคซีนีเม็กก็คือ มีคนมาบอกฉันว่าอีตาคุณชายนั่นคบอยู่กับยัยหมิงปากเบ้ ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิว่านายนั่นเอาตาเอาไว้ทำอะไร แต่ฉันเคยเจอสองคนนั่นอยู่ด้วยกันทีหนึ่ง เห็นแล้วจะอ้วก ยัยนั่นนะยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้ตาคุณชาย อีตานั่นก็ยิ้มเก็กๆ อย่างเดิมนั่นแหละ

 และแล้วความซวยก็มาถึงตัว ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ ก็แบบว่าต้องเดินผ่านตรงที่สองตัว เอ้ย 1 คน 1 ตัว เอ้ย 2 คนนั้นนั่งอ่ะ ก็เดินไป ไม่ได้สนใจอะไร ยอมรับก็ได้ว่าแอบๆ มองหน่อยนึง และจังหวะที่นายคุณชายกำลังนั่งฟังยัยปากเบ้พูดไปเรื่อย นายนั่นก็หันมาเห็นฉันพอดี แถมยังยิ้มยังกับปากจะฉีกถึงรูหู ส่วนฉันยิ้มมาก็ยิ้มตอบสิ คนมันอัธยาศัยดี แต่ฉันแค่ยิ้มบางๆ กลับไปเท่านั้นแหละ โดยหารู้ไหมว่ามีปีศาจบ้าผู้ชายกำลังมองมาที่ฉํน ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ใช่ ยัยหมิงนั่นเอง ฉันจะบ้าตาย ฉันเลยตัดสินใจรีบเดินไปจากตรงนั้นดีกว่า

 

 หลังจากวันนั้น ฉันก็คิดว่าเรื่องคงจบ ถ้าฉันไม่ไปยุ่งกับผู้ชายของมันก็คงจบ ถ้าจะให้ยอมรับกันจริงๆ ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าความรักมันเป็นยังไง ฉันรู้สึกว่าฉันเองเด็กเกินกว่าที่จะมีความรักได้ เวลามีเพื่อนเป็นแฟนกัน หรือกิ๊กกัน พวกฉันก็แค่ล้อกันให้สนุกสนาน ให้เพื่อนอายเล่น ไม่เคยคิดอะไรมากกว่านั้น ถ้าจะพูดให้ถูกก็ ไม่รู้ใจตัวเองสักเท่าไหร่


 "นี่เธอ คุยด้วยหน่อยสิ" เสียงใครเหรอคะ น้ำเสียง และลีลาน่าตื๊บอย่างนี้ไม่มีใครหรอกค่ะ นอกจากยัยหมิงกับพวก

 "มีไร" ยัยบ้า ฉันกำลังกินเลย์อยู่นะเฟ้ย ถ้าละไป เลย์ก็หมดนะสิ ของกินถ้าวางไม่ถึง 5 นาทีก็หาย ถ้าฉันอดกินเลย์ฉันจะโทษแก ยัยปากเบ้ "มีอะไรก็พูดมาเลย" ฉันพูดพลางคว้าเลย์เข้าปากให้ได้เยอะแผ่นที่สุด ถ้าน้ำหนักฉันลดไปแม้แต่กรัมเดียว ฉันจะโทษแกหมากุชชี่

 "ฉันอยากคุยกับเธอ สองคน" น้านนนนนน เรื่องอะไรจะไป ตรงนี้พวกเยอะ ไม่ไปหรอก ไม่มีทาง

 "ถ้าคุยตรงนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องคุย" ฉันพูดพลางหันหน้าหาเลย์ที่ฉันโปรดปราน โดยไม่สนใจยัยหมากุชชี่อีกเลย

 "อย่ามายุ่งกับเฌอีก" ยัยนั่นกัดฟันพูดกรอด ไม่เมื่อยบ้างหรือไงน้า ฉันหันไปมองหน้ายัยหมิงชัดๆ

 "ฉันไม่เคยไปยุ่งกับเขา"

 "ก็ดี ถ้าแกยุ่งกับเขาอีก ฉันไม่เอาแกไว้แน่" โอ้โห สาบานเถอะว่านี่เด็กม.1 ไม่อยากด่าให้เสียหมาจริงๆ ใครก็ได้บอกหน่อยสิว่ามันไม่จริง ฉันมองยัยนั่นเดินไปตาค้าง

 "หมาตัวเมีย" ฉันสบถออกมา ทำให้ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน แต่......แต่.........โธ่ ยัยหมากุชชี่ แกทำให้ฉันอดกินเลย์ ฉันจะฆ่าแก แค้นเรื่องของกินนี่เรื่องใหญ่นะ

 

 ไม่น่าเชื่อนะว่าอีตาคุณชายนั่นจะมีสเน่ห์ถึงขนาดนี้ เอาจริงๆ นะไม่เฉพาะยัยหัวหน้าแก๊งค์อย่างยัยหมิงหรอกที่ชอบ อีกคนที่ผมยาวๆ ขาวๆ ก็ชอบนายคุณชายนั่น รู้สึกว่าจะชื่อฟ่าง แต่ยัยฟ่างเนี่ยโดนยัยหมิงควบคุมเอาไว้ แล้วรู้สึกว่ายัยฟ่างเนี่ยจะกลัวยัยหมิงใช่เล่น เพราะเห็นยัยบุ๋มบอกว่า ยัยฟ่างนั่นก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนา หรือพูดง่ายๆ คือไม่ไฮโซเท่า แต่พวกนั้นให้เข้ากลุ่มด้วย เพราะฟ่างเป็นเพื่อนกับนายนั่นตั้งแต่ประถม และช่วงแรกๆ นายนั่นกับยัยฟ่างก็ชอบอยู่ด้วยกัน ติดกันเป็นตังเมเลยก็ว่าได้ ยัยหมิงเลยดึงเข้ากลุ่มซะ เพราะหมายตานายคุณชายนั่นตั้งแต่แรก ซับซ้อนซ่อนเงื่อนยังกับละครน้ำเน่าตอนเย็น

 

 "นั่นน้องเฌนี่ น่ารักจังเนอะ" เสียงนี้ดังขึ้น ระหว่างที่พวกฉันกำลังโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ที่โรงอาหาร อีตาเฌเนี่ยคือชื่ออีตาคุณชายนั่น แค่ชื่อก็คุณหนูซะไม่มี ลืมบอกไปสิ ว่าตานั่นเป็นขวัญใจของรุ่นพี่ด้วย ทั้งม.ต้น ม.ปลายต่างชื่นชอบน้องเฌหมด แหวะ อยากจะหัวเราะเป็นภาษาตากาล็อก ตานั่นมีดีตรงไหน ก็ยอมรับแหละนะว่าขาวๆ ตาโตๆ บ๊องแบ๊ว ก็พอดูได้ แต่ก็ไม่ได้ดูดีมากมาย

 "น่าหมั่นไส้ว่ะ" เสียงโจพูดขึ้นเบาๆ ทำให้ฉันอดที่จะเห็นด้วยในใจไม่ได้ แต่ตอนนี้พูดไม่ได้ เพราะความตะกละตะกลามยัดลูกชิ้นเข้าไปเต็มปาก เพราะขืนไม่รีบยัด ลูกชิ้นของฉันก็จะไปอยู่ในปากของเพื่อนๆ น่ะสิ

 "พวกผู้ลากมากดีเดินมาว่ะ สงสัยสามัญชนอย่างพวกเราต้องช่วยกันปูพรมแดง" เอาแล้วไง ไอ้โจหาเรื่องอีกแล้ว ยังกินก๋วยเตี๋ยวไม่หมดเลยนะโว้ย ถ้ามีเรื่องขอเวลากินก๋วยเตี๋ยวก่อนได้ไหม แต่จะห้ามก็ไม่ทันแล้วล่ะ เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน ฉันคิดพลางกลืนลูกชิ้นที่อยู่ในปากลงท้อง ปัดผมเปียสองข้างไปไว้ด้านหลัง และจังหวะที่ฉันเงยหน้าไปมองกลุ่มหมากุชชี่ก็พบกับสายตาของอีตาคุณชายนั่น ฉันก็เลยมองกวนๆ กลับไป

 "รู้ตัวก็ดี พวกคนชั้นต่ำ" เสียงยัยหมิงพูดขึ้นเหยียดๆ ทำให้ฉันเลือดขึ้นหน้าทันที  ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะทันที ก๋วยเตี๋ยวของกินอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ถ้ายัยนี่พูดอะไรไม่เข้าหูอีกคำเดียว ฉันจะกระทืบมันกลางโรงอาหารเนี่ยแหละ

 "พวกเธอว่าใคร" ฉันถามยัยหมิงขึ้น เมื่อเดินไปประจันหน้ากับยัยนั่น พลางมองมันด้วยแววตาที่ดูหาเรื่องสุดๆ เพื่อนๆ ของฉันกลุ่มใหญ่ เดินตามฉันมา รับรองได้เลยว่ามันไม่เคยคิดจะห้าม เพราะมันก็หมั่นไส้มานานแล้วเหมือนกัน นักเรียนทั้งโรงอาหารเริ่มหยุดกิน และจับจ้องพวกเราเป็นตาเดียวกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจใครทั้งนั้น นอกจากยัยหมิง

 "สมแล้วที่อยู่ห้อง 10 ไม่ฉลาดเอาเสียเลย" ทันทีที่ยัยนี่พูดจบประโยคเส้นความอดทนของฉันขาดผึงทันที ถึงจะโดนเรียกผู้ปกครอง วันนี้ขอตบมันหน่อยเถอะ

 "งั้นก็โดนคนไม่ฉลาดตบหน่อยดีกว่าไหม" ฉันพูดพลางเงื้อมือ และฟาดลงไปอย่างแรง

 เสียงตบดังเพลี๊ยะเสียงดังก้องไปทั่วโรงอาหาร ฉันตกตะลึงกับการกระทำของตัวเอง ความจริงถ้ามือของฉันฟาดไปที่หน้ายัยหมิงฉันคงสะใจมากกว่าตกตะลึง แต่นายคุณชายนั่นดันเอาตัวมาขวางเอไว้ เลยตบโดนแก้มเขา รอยนิ้วห้านิ้วของฉันเลยไปปรากฏบนแก้มเขาเต็มๆ ถึงฉันจะโมโหกลุ่มเขาแค่ไหน แต่ฉันก็รู้ว่า เขาไม่ใช่คนผิด เขาไม่เคยแม้แต่มาหาเรื่องพวกฉัน กลับกัน เขายังยิ้มให้ฉันบ่อยๆ อีกต่างหาก 

 "เราขอเถอะนัต แล้วก็ขอโทษแทนเพื่อนด้วย" นายนั่นพูดราวกับฉันไม่ได้ตบเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และมีแววร้องขอ

 จากนั้นอาจารย์ท่านนึงก็เดินมาดูเหตุการณ์ ฉันเองก็งงๆ และจ้องหน้านายนั่นอยู่ตลอด ไม่กล้าพูดอะไรเลย แม้แต่คำว่าขอโทษ  

 "เข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ พอดีผมเดินไประวัง แล้วนัตเขากำลังเหวี่ยงมือเล่นกับเพื่อน มันก็เลยมาโดนหน้าผม" นายนั่นพูดโกหกเป็นชุดเชียว แถมยังปกป้องฉันอีกต่างหาก เพราะหากนายนั่นพูดความจริงออกไป คนที่ต้องโดนตี และโดนทำโทษต้องเป็นฉันอย่างแน่นอน ฉันสงสัยอย่างสุดซึ้งว่านายนั่น คิดอะไรอยู่

 "ก็ดี เธอพาเพื่อนไปเอาอะไรประคบหน่อยไป"

 "ฉันพาไปเอง" ฉันล่ะแปลกใจตัวเองเหลือเกินที่พูดอย่างนั้นออกไป ทำไมฉันถึงพูดอย่างนั้นออกไป จนกระทั่งทุกวันนี้ฉันยังไม่รู้เลย คงเป็นเพราะฉันอยากจะรับผิดชอบอะไรบางอย่างก็เป็นได้

 

 แม้ว่าบอกว่าจะนายนั่นมาห้องพยาบาล แต่ฉันก็เดินนำเขาหลายก้าวอยู่ ฉันไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีในสถานการณ์เช่นนี้ ควรขอบคุณ หรือขอโทษ หรือสมน้ำหน้าที่เอาหน้ามาขวาง แล้วนี่ฉันจะโดนแฟนคลับนายนั่นตบเอาไหมเนี่ย เฮ้อ เซ็ง ว่าแต่นายนั่นรู้ชื่อฉันได้ไงนะ 

 "นายรู้จักชื่อฉันได้ไง" ฉันหันไปถามด้วยความสงสัย

 "ก็เห็นเพื่อนๆ เรียกกัน" นายนั่นตอบหน้าตาเฉย แต่ก็เอาเถอะ ฉันยังรู้จักนายนั่นเลย จะเป็นเพราะอะไรก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญ

 พอถึงห้องพยาบาลอาจารย์ก็รีบกุลีกุจอเอาน้ำแข็งมาให้นายนั่นประคบหน้า ฉันรับถุงน้ำแข็งมาจากอาจารย์ห้องพยาบาล และค่อยๆ ประคบหน้าเขา นายนี่มองใกล้ๆ ก็หน้าตาดีแหะ ขนตายาวยังกับผู้หญิงเชียว หน้าตาอย่างงี้แหละมั้ง ถึงได้เป็น น้องเฌขวัญใจพี่ๆ

 "มองอะไร" ฉันพูดเสียงแข็ง เมื่อเห็นดวงตาดำขลับของเขามองหน้าฉันเขม็ง มองมาก เดี๋ยวแม่ซัดให้อีกทีหรอก

 "เปล่า เอ่อ ขอบคุณนะ" ฉันล่ะเชื่อนายคนนี้จริงๆ ยิ้มได้ทุกสถานการณ์จริงๆ นี่ฉันทำนายเจ็บนะ รู้บ้างสิ 

 "ไม่เป็นไร ฉันเป็นสาเหตุนี่ เอ่อ ขอโทษด้วยล่ะกัน แต่นายก็ไม่น่าจะเอาหน้ามาขวาง ฉันตั้งใจจะตบยัยหมิงอะไรนั่นต่างหาก" ฉันพูดอุบอิบ ในที่สุดก็พูดขอโทษออกไป

 "ก็หมิงเขาเป็นเพื่อนเรานี่" นายคุณชายพูด ทำให้ฉันนึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ  "อีกอย่างเราไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลัง โอ้ย เจ็บนะ" ฉันกดน้ำแข็งลงไปที่แก้มนายนั่นเต็มแรงเลยล่ะ พูดจาไม่เข้าหูเลย มันน่านัก

 "เข้าข้าง" ฉันพูดพลางจ้องหน้าเขานิ่ง ใช่สิ นายมันพวกเดียวกันนี่ ฉันเสียใจจริงๆ ที่คิดว่านายเป็นคนดี ที่แท้ก็หลอกด่าว่าฉันเป็นพวกชอบใช้กำลัง

 "เปล่านะ เรา......."

 "ใช่สิ พวกฉันมันไม่ได้เป็นผู้ดี คนรวยเหมือนพวกนายนี่" ฉันพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนขว้างถุงน้ำแข็งไปข้างๆ ตัวเขา ฉันไม่น่าหลงคิดว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนกันได้เลย ไม่น่าเลยจริงๆ นายบ้าาาาาาา ฉันเกลียดนาย

********************************************************************************************************************

 

 

      1           2                  next>>>