pue's tales ; tales from pue
Trap 12
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
chapter 12 ; The Truth is Trap

"ฟื้นแล้วเหรอมิสเกรนเจอร์" เสียงเย็นๆ ดังขึ้น ทำให้เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้ชินกับแสงสว่าง แล้วมองไปทางเจ้าของเสียง
 
"ศ.ดัมเบิลดอร์" เฮอร์ไมโอนี่ครางเสียงเบา พลางยันตัวลุกขึ้นนั่ง ทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นที่หลังมาทันที "คนอื่นๆ ปลอดภัยดีหรือเปล่าค่ะ แล้วเหตุการณ์เป็นยังไง"
 
"โอ้ ไม่ต้องเป็นห่วงมิสเกรนเจอร์ ทุกคนปลอดภัยดี ทุกคน มิสเตอร์พอตเตอร์ กับมิสเตอร์วีสลีย์นอนอยู่เตียงถัดไป ส่วนคนอื่นๆ ฉันแยกให้ไปพักที่อื่น เพื่อจะได้ไม่ทำให้ตกใจกันเกินไป คิดว่าอีก 2-3 วัน คงจะมารวมตัวกันได้" ศ.ดัมเบิลดอร์พูดยิ้มๆ
 
"แล้วโวลเดอร์มอร์" เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางทำหน้ากังวล เธอจำเหตุการณ์ไม่ค่อยจะได้ อีกอย่างตอนนั้นก็ชุลมุนเกินกว่าที่เธอจะสังเกตว่าอะไรเกิดขึ้นระหว่างแฮร์รี่กับโวลเดอร์มอร์ ศ.ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนก่อนที่จะย้อนเหตุการณ์ให้เธอฟัง
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
" อะวาดา เคดาฟ - รา" สิ้นเสียงแฮร์รี่ร่างๆ หนึ่งที่วิ่งมาบังร่างโวลเดอร์มอร์เอาไว้ก็ทรุดลง ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ไม่มีใครคิดว่านายลูเซียสจะเข้ามาปกป้องลอร์ดโวลเดอร์มอร์ แม้แต่แฮร์รี่เอง แฮร์รี่พยายามบังคับไม้กายสิทธิ์ของเขาไม่ให้สั่นไปตามมือที่สั่นรัว เขาฆ่าคน ใช่ เขาฆ่าคน แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นผู้เสพความตาย แต่เขาก็ถือได้ว่าฆ่าคนๆ นึงไปโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาตั้งใจจะฆ่าลอร์ดโวลเดอร์มอร์ต่างหาก เขาต้องการจะฆ่าคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา คนที่จับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไปเป็นตัวประกัน คนที่สั่งฆ่าพ่อแม่ของเฮอร์ไมโอนี่ คนที่ทำให้ซีเรียสต้องตกไปหลังม่าน ทุกอย่างเกิดจากความบ้าอำนาจของโวลเดอร์มอร์ทั้งนั้น เขาจึงทั้งโกรธและเคียดแค้นโวลเดอร์มอร์มากเป็นพิเศษ จนฆ่าเขาได้โดยไม่ลังเล แต่สำหรับคนอื่น ถึงแม้จะเลวร้ายแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่า แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ก็ชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เขา และเสกคาถาเดียวกับเขา แต่ก่อนที่โวลเดอร์มอร์จะร่ายคาถาจบ ก็มีแสงเข้ามาบังทำให้เขาไม่โดนคาถาพิฆาตไปเต็มๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังกระเด็นไปที่พื้นเล็กน้อย
 
"ศ.ดัมเบิลดอร์" แฮร์รี่พูดขึ้นด้วยความหวัง พร้อมๆ กับรอนที่ยิ้มขึ้นอย่างโล่งอก จากนั้นสมาชิกภาคีก็เดินมาโอบล้อมผู้เสพความตาย และเกิดการปะทะกันอย่างชุลมันวุ่นวายไปหมด
 
"ครูซิโอ" ผู้เสพความตายจำนวนมากร่ายคาถาใส่ศ.ดัมเบิลดอร์ ทำให้เขาต้องหันไปต่อสู้ ส่วนรอนก็ต้องปกป้องตัวเองจากผู้เสพความตายคนอื่นๆ ที่พยายามจะร่ายคาถาใส่เขาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ทำให้ตอนนี้แฮร์รี่เผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอร์เพียงสองคน
 
"สตูเปฟาย" แฮร์รี่ร่ายคาถาใส่โวลเดอร์มอร์ เพื่อที่ไม่ให้เขาตั้งตัว แต่ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ไม่เพียงแค่ปัดป้องคาถาได้ ยังแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวมาที่เขา
 
"รู้สึกว่าแกจะมีคนปกป้องเยอะเหมือนเกินนะแฮร์รี่ พอตเตอร์" เขาพูดเสียงเย็น "เอ็กซ์เปลลิอาร์มัส" โวลเดอร์มอร์ร่ายคาถาอย่างแรง แรงของคาถาทำให้เขาลอยละลิ่วกระแทกลงไปกับผนังห้อง ตอนนี้แฮร์รี่ไม่รู้ว่ากระดูกเขาหักไปกี่ท่อนแล้ว เขาเคยโดนคาถานี้เล่นงานมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งกี่หน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารู้สึกเจ็บเท่าครั้งนี้มาก่อน
 
"ถึงเวลาตายของแกแล้ว ทำใจเอาไว้ได้เลย" ลอร์ดโวลเดอร์มอร์พูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางแฮร์รี่ แฮร์รี่สบตาโวลเดอร์มอร์อย่างไม่กลัวเกรง หากเขาจะตายตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาจะเสียใจก็คือ เขาไม่อาจที่จะแก้แค้นให้กับพ่อแม่ และทุกคนได้
 
"ครูซิโอ" เสียงร่ายคาถาใส่โวลเดอร์มอร์ทางด้านหลัง ทำให้เขาสะดุ้งและหันไปมองอย่างโกรธเคือง แฮร์รี่มองไปทางผู้ชายที่ร่ายคาถาด้วยสายตาที่มึนงงเล็กน้อย
 
"แก" ลอร์ดโวลเดอร์มอร์คำราม
 
"คิดไม่ถึงละสิ" ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
 
"อะวาดา เคดาฟ - รา" ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ร่ายคาถาใส่ชายคนนั้นทันที เขาหลบคาถาได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็โดนแขนเข้าไปอย่างจังเหมือนกัน ไม้กายสิทธิ์ของเขากระเด็นออกจากมือ และกลิ้งหลุนๆ มาไม่ห่างจากแฮร์รี่เท่าไหร่ แฮร์รี่พยายามที่จะขยับกายไปหยิบไม้กายสิทธิ์อย่างร้อนรน ไม่ว่ายังไง เขาไม่ต้องการเห็นใครตาย ในจังหวะที่ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ขยับไปช้าๆ และกำลังจะร่ายคาถาใส่ชายคนนั้นที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงจะหายไปหมด แฮร์รี่ก็ยันกายขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะมองลอร์ดโวลเดอร์มอร์ด้วยสายตาที่เกลียดชังอย่างสุดซึ้ง ความคิดที่ว่าโวลเดอร์มอร์ฆ่าพ่อแม่ของเขาแล่นเข้ามาในหัว ภาพซีเรียสหล่นลงไปหลังม่าน ภาพเฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้ เพราะโดนผู้เสพความตายถล่มบ้าน ภาพเซดริกโดนฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา แฮร์รี่กัดฟันกรอดอย่างโกรธแค้น ก่อนที่จะร่ายคาถาออกไป "อะวาดา เคดาฟ - รา" แฮร์รี่ร่ายคาถาออกไปเสียงดังด้วยความโกรธแค้น ตาของเขาตอนนี้กำลังลุกเป็นไฟ โวลเดอร์มอร์หันมาหาเขาช้าๆ แต่ก่อนที่จะทันได้ร่ายคาถาอะไร แฮร์รี่ก็ร่ายคาถาพิฆาตซ้ำอีกครั้ง โวลเดอร์มอร์ทรุดตัวลงช้าๆ ก่อนที่จะล้มลงไป ส่วนแฮร์รี่ร่างกายก็อ่อนเพลียจนทนไม่ไหว เนื่องจากร่ายคาถาพิฆาตหลายครั้งติดกัน ประกอบกับร่างกายที่บอบช้ำจากการถูกโจมตี เขาจึงสลบไปด้วยความอ่อนล้า
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
"ศาสตราจารย์ค่ะ ตอนนี้แฮร์รี่เป็นอะไรมากไหมค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความกังวล หลังจากที่เธอฟังเรื่องที่ศ.ดัมเบิลดอร์เล่าจนจบ
 
"เขาต้องนอนพักอีก 2-3 วันถึงจะฟื้น ส่วนมิสเตอร์วีสลีย์ไม่เป็นอะไรมาก เย็นนี้ก็วิ่งเล่นได้เหมือนเดิมแล้ว เขาฟื้นมาเมื่อเช้า แต่มาดามพอมฟรีย์เห็นว่าเขาควรจะพักอีกเสียหน่อย จึงค่อยออกจากห้องพยาบาลได้ โอ้ฉันคิดว่า มาดามพอมฟรีย์คงอยากจะตรวจดูเธอแล้วล่ะ แล้วอีก 2-3 วันเจอกันที่ห้องทำงานของฉัน พร้อมๆ กับฟังข่าวดีในรอบปีเลยทีเดียว" ศ.ดัมเบิลดอร์พูดอย่างอารมณ์ดี แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกกังวล เธออยากจะรู้อาการของคนอื่นๆ และชะตากรรมของคนอื่นๆ อย่างเช่นเดรโก เธอรู้ว่ามันผิดที่เธอจะห่วงเขา แต่ยังไงเขาก็ปกป้องเธอ อีกอย่าง เขาเป็นผู้เสพความตาย พอโวลเดอร์มอร์ตาย เขาก็ต้องมีความผิดอย่างไม่ต้องสงสัย และยิ่งเขาฆ่าพ่อแม่เธอด้วย เขาต้องถูกส่งไปขังที่อัซคาบันเป็นอย่างน้อย ความจริงมันก็สาสมกับสิ่งที่เขาทำไป แต่ทำไม เธอถึงไม่อยากให้เขาต้องทนลำบากก็ไม่รู้ เธอคิดว่าเธอช่างเป็นลูกอกตัญญูเสียนี่กระไร
 
เฮอร์ไมโอนี่พักอยู่ที่ห้องพยาบาลอีกสองสามวันต่อมาแฮร์รี่ก็ฟื้นขึ้น พร้อมกับความดีใจของเฮอร์ไมโอนี่และรอน
 
"แฮร์รี่ พวกเราเป็นห่วงนายแทบตาย" รอนพูดขึ้นอย่างร้อนรน ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็กอดเขาแน่น
 
"ในที่สุด เธอก็ทำได้แฮร์รี่ เธอปราบโวลเดอร์มอร์ได้" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างดีใจ
 
"เฮอร์ไมโอนี่ เธอไม่เป็นอะไรนะ" แฮร์รี่ถามเธอด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
 
"อื้ม" เฮอร์ไมโอนี่คลายกอดจากเขาและมองหน้าเขายิ้มๆ "ไม่มีใครเป็นอะไรหรอกแฮร์รี่ ทุกคนปลอดภัยดี"
 
"แล้วเดฟล่ะ" แฮร์รี่ถามขึ้น
 
"นายจะไปถามถึงมันทำไม ในเมื่อมันทรยศพวกเรา" รอนพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น แต่ก่อนที่แฮร์รี่จะพูดอะไรมากไปกว่านั้น ศ.มักกอนนากัลก็เดินมาเรียกให้ทั้งสามไปที่ห้องทำงานของศ.ดัมเบิลดอร์
 
************
 
"ไมโลโอลีโอปั่น" ศ.มักกอนนากัลกล่าวพาสเวิร์ดอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะนำเด็กทั้งสามขึ้นไปข้างบน ทั้งสามนั่งลงที่โซฟาบุนวมสีแดง ส่วนศ.ดัมเบิลดอร์ที่ลงมานั่งที่เบาะตรงข้ามกับพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามานั่งอยู่บริเวณเก้าอี้รับแขก ไม่ใช่บริเวณโต๊ะทำงานของศ.ดัมเบิลดอร์
 
"เอาล่ะ ฉันคิดว่าพวกเธอมีอะไรจะถามฉันมากมาย ฉันให้พวกเธอถาม แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง" ศ.ดัมเบิลดอร์พูดขณะที่ตามีประกายวิบวับอยู่ข้างใน "ถามสิ่งที่เธอสงสัยออกมาให้หมด ทั้งหมดในเรื่องของปีนี้"
 
"เดฟ ปลอดภัยไหมครับ" แฮร์รี่โพล่งขึ้นมา
 
"แฮร์รี่ ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นห่วงคนทรยศอย่างนั้น" รอนพูดขึ้นอย่างมีอารมณ์ เมื่อเห็นเพื่อนรักของเขาเป็นห่วงศัตรูจนออกนอกหน้า
 
"รอน นายไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า" เฮอร์ไมโอนี่แหวใส่เขา
 
"นี่เธอก็เป็นอีกคนเหรอเฮอร์ไมโอนี่" รอนพูดอย่างมีอารมณ์
 
"เอาล่ะ พวกเธอใจเย็นๆ ก่อน เอาอย่างนี้ ถามเจ้าตัวเลยดีกว่าว่าเขาเป็นยังไง มิสเตอร์คาร์ลอสออกมาเถอะ" ศ.ดัมเบิลดอร์พูดอย่างอารมณ์ดี เดฟเดินออกมาจากอีกทางหนึ่งของห้อง พลางยิ้มอย่างขี้เล่นเหมือนกับที่เคยเห็นบ่อยๆ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง
 
"นี่มันหมายความว่ายังไงกัน" รอนพูดอย่างสงสัย
 
"เอาอย่างนี้โรนัลด์ ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง" เดฟพูดยิ้มๆ พลางนั่งลงที่โซฟา
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
"อ้าวมิสเตอร์คาร์ลอสมีอะไรเหรอ" ศ.ดัมเบิลดอร์กล่าวขึ้น เมื่อเห็นเดฟเดินขึ้นมาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
 
"ผมรู้เรื่องที่ศาสตราจารย์ให้เฮอร์ไมโอนี่ไปสืบข่าวแล้วครับ" เดฟพูดพลางนั่งตรงข้ามศ.ดัมเบิลดอร์
 
"มิสเกรนเจอร์บอก??" เดฟพยักหน้าเบาๆ
 
"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมศาสตราจารย์ต้องให้เฮอร์ไมโอนี่ทำอย่างนั้นด้วย ทั้งๆที่...."
 
"ทั้งๆ ที่มีคุณเป็นคนล้วงความลับ โดยการไปเป็นผู้เสพความตายอยู่แล้วใช่ไหม" ศ.ดัมเบิลดอร์พูดพลางมองตาเดฟนิ่ง
 
"ครับ" เดฟรับเสียงเบา
 
"ผมอยากดึงมิสเตอร์มัลฟอยเข้ามาเป็นพวก ความจริงมิสเตอร์มัลฟอยเองก็ไม่ใช่คนเลวอะไร ผมอ่านได้จากสายตาของเขา เพียงแต่เขา....."
 
"ไม่มีทางเลือกใช่ไหมครับ" เดฟพูดขึ้นอย่างรู้ใจ ทำให้ศ.ดัมเบิลดอร์ยิ้มบางๆ
 
"ใช่" ศ.ดัมเบิลดอร์ตอบรับ
 
"ศาสตราจารย์ครับ ผมมีแผน อาจจะเสี่ยงไปหน่อย แต่ผมคิดว่าน่าจะได้ผล"
 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
"หมายความว่านายแกล้งทำเป็นพวกกับ......." รอนพูดอย่างตกตะลึง "แล้วแฮร์รี่ นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
 
"ฉันก็เพิ่งรู้ ตอนที่เดฟช่วยฉัน ไม่ให้โวลเดอร์มอร์ฆ่าฉันเมื่อหลายวันก่อนนี่เอง" แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
 
"แล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ" รอนถามพลางมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง
 
"ก่อนวันวาเลนไทน์ไม่กี่วัน" เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วหันไปพูดกับเดฟต่อ "แผนที่ว่าคือแผนอะไร"
 
"ฉันว่าเธอถามคนที่ตกเป็นเป้าหมายเองดีกว่า มัลฟอยนายออกมาเถอะ เฮอร์ไมโอนี่คงไม่ฆ่านายตอนนี้หรอก" เดฟพูดอย่างร่าเริง

เฮอร์ไมโอนี่มองร่างๆ นึงที่เดินออกมาจากมุมนึงของห้องอย่างเงียบๆ หัวใจของเธอหล่นวูบ วินาทีแรกที่เธอเห็นหน้าเขา เธอรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดที่เห็นเขาปลอดภัย เขาเดินมานั่งข้างเดฟด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
 
"เอ้า ตานายเล่าแล้ว เล่าให้ละเอียดล่ะ เดี๋ยวของรักนายจะหายไปอีก" เดฟพูดพลางตบไหล่เดรโกเบาๆ
 
"เธอจำได้ไหม วันที่เธอมาบอกฉันว่าศ.สเนปให้มาเรียกฉัน วันนั้นเป็นวันที่ฉันเพิ่งไปพบพ่อของฉันมา" เดรโกพูดพลางมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง ราวกับอยากจะอธิบายให้เธอฟังคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ สำหรับเขา ยังไงก็ได้
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
วันนั้นเดรโกเดินไปที่คุกใต้ดินอย่างตื่นตระหนก เขาพยายามคิดว่า ศ.สเนปคงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แค่พูดกับเขาธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้มันกลับเปลี่ยนชีวิตของเขาเลยทีเดียว
"เข้ามา" ศ.สเนปพูดเสียงเย็น หลังจากที่เดรโกเคาะประตูเบาๆ "มิสเตอร์มัลฟอย วันนี้เธอไปพบพ่อของเธอมาใช่ไหม" เดรโกสะดุ้งทันที เมื่ออาจารย์ประจำบ้านของเขาถามอย่างนี้ "ฉันรู้ดีว่าพ่อของเธอพูดว่าอะไร และต้องการอะไร แต่ถ้าเธอไม่ต้องการจะทำตามที่พ่อเธอบอก ฉันช่วยเธอได้"
 
"อาจารย์ช่วยผมไม่ได้หรอกครับ อีกอย่าง ผมไม่มีใครแล้ว" เดรโกพูดอย่างหมดหวัง เขาไม่เหลือใครแล้วจริงๆ
 
"แล้วมิสเกรนเจอร์ล่ะ ไม่ต้องแปลกใจ ฉันรู้เรื่องราวของเธอทั้งสองดี เพราะฉันก็เป็นสมาชิกภาคีคนหนึ่งเหมือนกัน" ศ.สเนปพูดเสียงเย็น ทำให้เดรโกเม้มปากอย่างไม่รู้ตัว เขามองหน้าอาจารย์ประจำบ้านของเขานิ่ง "สายของฉันรายงานมาว่ามิสเกรนเจอร์จะเป็นคนที่ถูกเล่นงานคนแรก ในฐานะของเลือดสีโคลน เพื่อนสนิทของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และเป็นผู้หญิงที่มิสเตอร์พอตเตอร์หลงรัก" คำพูดของศ.สเนปทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที เขาไม่อยากให้เธอต้องเป็นอะไร ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอไม่จำเป็นต้องรักเขาก็ได้ เขาขอแค่เธอปลอดภัยก็พอ
 
"มิสเตอร์มัลฟอย เธอไม่อยากจะช่วยมิสเกรนเจอร์หรือไง" ศ.สเนปถามเสียงเย็น
 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
"นายก็เลยร่วมมือกับศ.สเนปโดยเป็นผู้เสพความตายที่ไปล้วงความลับอีกคน" รอนถามขึ้น ทำให้เดรโกหันมามองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ความจริงเขาไม่อยากจะมาเล่าเรื่องนี้ให้แฮร์รี่กับรอนฟังแม้แต่น้อย คนเดียวที่เขาอยากให้เข้าใจก็คือ เฮอร์ไมโอนี่
 
"ตอนนี้ฉันสับสนไปหมดแล้ว เรื่องเดฟฉันก็พอรู้บ้าง แต่แผนของเดฟคืออะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างสับสน
 
"จำได้ไหม ตอนที่ฉันบอกเธอหลังจากที่เธอเล่าเรื่องของเธอกับมัลฟอยให้ฟัง แล้วฉันบอกว่าแผนนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว ความจริงมันเป็นสี่ตัวต่างหาก" เดฟพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
 
"สี่ตัว?" เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างสงสัย
 
"โวลเดอร์มอร์ไว้ใจนายลูเซียสมาก และแน่นอนว่าความไว้ใจนั้นต้องส่งผ่านมายังลูกชายของลูเซียส นั่นก็คือ เดรโกของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันยอมรับว่า แม้ฉันจะแฝงตัวเข้าไป แต่ก็ไม่ได้รับความไว้วางใจให้รับรู้หรือทำงานใหญ่ๆ การที่เดรโกเข้าไปสืบ แม้ว่าจะเสี่ยงสักหน่อย แต่โวลเดอร์มอร์คงไม่คิดเอะใจว่าลูกชายของคนสนิทของเขาจะทรยศทั้งตัวโวลเดอร์มอร์และนายลูเซียสได้" เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับคำอธิบายของเดฟ "ที่ฉันเสนอให้เธอมาแกล้งเป็นแฟนกับฉัน ก็เพราะว่า.............."
 
"นายว่าไงนะ" แฮร์รี่ รอน และเดรโกร้องขึ้นพร้อมกัน พลางมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่กับเดฟอย่างตกตะลึง ทำให้เดฟหัวเราะขึ้นเบาๆ
 
"นี่พวกนาย ไม่ต้องตกใจ ฉันกับเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ชอบกันตั้งแต่แรก อีกอย่างฉันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วด้วย ที่ฉันทำไป เพราะต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนการที่ว่า เพื่อบีบให้มัลฟอยตกหลุม และให้มัลฟอยคิดว่าฉันเข้าใกล้เฮอร์ไมโอนี่เพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่าง และสิ่งนั้นก็คือ ทำร้ายเฮอร์ไมโอนี่ และพาเฮอร์ไมโอนี่ไปหาลอร์ดโวลเดอร์มอร์ และนั่นก็ได้ผล เพราะทำให้มัลฟอยเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนี่ยกใหญ่ จนกระโจนเข้าสู่แผนการโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว"
 
"ถ้าทุกอย่างนี่เป็นแผน แล้วพ่อแม่ของฉัน" เฮอร์ไมโอนี่มองหน้ามัลฟอยด้วยความสับสน
 
"พ่อแม่ของเธอปลอดภัยดีมิสเกรนเจอร์" ศ.ดัมเบิลดอร์ตอบแทน "ตอนนี้เขาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย อีกไม่นานพวกเขาจะได้กลับไปที่บ้าน เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว หลังจากสอบเสร็จ เธอจะได้พบพวกเขาแน่นอน"
 
"แล้วทำไมเดรโกถึงพูดประมาณว่าเขาเป็นคนทำ แล้วยังขอโทษอีก" เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เดรโกเป็นเชิงถาม
 
"ฉันขอโทษที่ทำให้เธอร้องไห้ต่างหาก ความจริงฉันไม่อยากให้เธอเสียใจ แต่มันจำเป็น" เขาพูดเสียงอุบอิบพลางหลบสายตาเธอ
 
"แต่วันนั้น พ่อแม่ฉันไม่หายใจ" เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมา
 
"ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าที่หนึ่งของชั้นปี จะไม่รู้จักยาเหมือนตาย" เดรโกพูดพลางยิ้มเยาะไปที่เธอ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างงอนๆ ส่วนศ.ดัมเบิลดอร์กับเดฟก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ฉันไม่เข้าใจเลยเดฟ ทำไมนายต้องหลอกฉันด้วย ความจริงฉันก็รู้เรื่องเกือบหมดทุกอย่างแล้ว ทำไมถึงไม่บอกเรื่องเดรโก" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างโมโห เพราะเดฟปล่อยให้เธอเจ็บปวดอยู่ตั้งนาน
 
"เธอไม่คิดจะชดใช้ในสิ่งที่เธอทำให้มัลฟอยเจ็บปวดตอนแผนการที่เธอไปหลอกให้เขารักเลยเหรอ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ เธอน่าจะได้รับบทเรียนอะไรบ้าง แม้ว่ามันจะเจ็บปวดเกินไปสักหน่อยก็เถอะ อีกอย่าง แผนเสี่ยงๆ แบบนี้ คนรู้ยิ่งเยอะยิ่งเป็นอันตราย" เดฟพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอีกครั้ง
 
"ฉันจะฟ้องมาเรีย" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเบา แม้เธอจะรู้ว่าเดฟพูดถูก แต่เธอก็อดที่จะเคืองเขาไม่ได้
 
"ขอร้องเถอะเฮอร์ไมโอนี่ อย่าเด็ดขาด" เดฟพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอนมาที่เธอ แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียอย่างนั้น
 
"เอาล่ะ ฉันคิดว่าพวกเธอคงจะรู้เรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดพอสมควรแล้ว ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้ อ้อ อย่าลืมเตรียมพร้อมกับการสอบด้วยล่ะ ที่สำคัญฉันให้เรเวนคลอ สลิธิริน และกริฟฟินดอร์บ้านละ 200 คะแนน เอาล่ะแยกย้ายกันไปได้" ศ.ดัมเบิลดอร์พูดอย่างอามณืดี ทำให้เด็กทั้ง 5 คนเดินลงมา
 
"ไม่ยุติธรรมเลยกริฟฟินดอร์ตั้ง 3 คนให้แค่ 200 คะแนน" รอนบ่นขึ้น
 
"นายอย่าลืมสิ ว่าเดฟกับมัลฟอยไปเสี่ยงชีวิตไม่รู้กี่ครั้งนะ" แฮร์รี่พูดขึ้นพลางมองหน้าคนทั้งสองหวั่นๆ "เดฟขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้"
 
"ไม่เป็นไร" เดฟพูดยิ้มๆ "ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"
 
"ขอฉันพูดอะไรสักอย่างนึงเถอะนะเดฟ" มัลฟอยพูด พลางมองหน้าเดฟที่ทำหน้าแปลกใจที่เดรโกเรียกเขาว่าเดฟ "เดฟ นายนี่มันเลวได้ใจจริงๆ"
 
"นี่ต้องขอบคุณในคำชมหรือเปล่า" เดฟพูดพลางยิ้มที่มุมปาก
 
"นายแสดงได้สมบทบาทจนฉันคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ถ้านายไม่บอกฉันตอนวันที่ฉันต้องจับเฮอร์ไมโอนี่ไป ฉันก็คิดว่านายอยู่ข้างโวลเดอร์มอร์ไปอีกนาน" เดรโกพูดพลางตบไหล่เดฟเบาๆ
 
"นายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกเดรโก เพราะดูเหมือนว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็เชื่อว่านายอยู่ข้างโวลเดอร์มอร์แบบสนิทใจเหมือนกัน" เดฟพูดอย่างอารมณ์ดี พลางหันไปพูดกับแฮร์รี่และรอน "เอาล่ะ แฮร์รี่ รอน ฉันว่าพวกเราสามคนเดินไปที่อื่นดีกว่า ฉันคิดว่ามีคนบางคนอยากที่จะคุยกันสองคน" เดฟพูดพลางดันหลังคนทั้งสองไป
 
"ฉันรู้ว่านายคิดยังไงกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่ในเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เขาเลือกแบบนั้น นายเองก็คงต้องยอม อย่างน้อยเฮอร์ไมโอนี่ก็มีความสุขใช่ไหมล่ะ" เดฟกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูแฮร์รี่ ทำให้เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินจากไป
 
"นาย(เธอ)" เฮอร์ไมโอนี่กับเดรโก พูดขึ้นพร้อมกัน
 
"นาย(เธอ)พูดก่อนสิ" ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเขินๆ
 
"มานี่มา" มาจับมือเธอเบาๆ พลางฉุดเธอให้เดินไปอีกทาง ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่เองก็ไม่ขัดขืนอะไร เขาจูงมือเธอเดินมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่สนใจสายตาของใครหลายๆ คนที่มองมาด้วยความสงสัย แน่นอนว่าเรื่องราวของพวกเขาไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ยกเว้นคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ไม่ใช่สำหรับนักเรียนฮอกวอร์ตอีกเป็นพันคน จึงมีสายตาที่แปลกประหลาดใจมองคนทั้งสองไม่น้อย
 
"มัลฟอย ปล่อยมือฉันเถอะ คนมองใหญ่แล้ว" เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางพยายามดึงมือออกตอนนี้เธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว  เขาหันกลับมามองเธอทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่
 
"ฉันเคยบอกเธอไม่ใช่เหรอว่าห้ามเรียกฉันว่ามัลฟอย ไม่งั้นจะถูกทำโทษ" เขาพูดพลางหยุดมองเธอ และก้าวมาหาเธอช้าๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าตาตื่นๆ เพราะตรงนี้มีคนจำนวนไม่น้อยเดินขวักไขว่ไปมา (อ่านรายละเอียดการทำโทษได้ที่แทรปภาค 1 ตอนที่ 4)
 
"เดรโก นายอย่างแกล้งฉันสิ" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงอ่อย พลางมองเขาหน้ามุ่ย ทำให้เขายิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ แล้วจูงมือเธออกไปทางหอคอยทางทิศเหนือ
 
"มาที่นี่ทำไมเหรอเดรโก" ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่กับเดรโกอยู่ที่หอดูดาว ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของปราสาท เดรโกไม่ตอบ เพียงแต่แบมือออกมา ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
 
"นายแบมือทำไม"
 
"ของๆ ฉัน ที่เธอเก็บได้ที่บ้านเธอน่ะ" เดรโกพูดพลางอมยิ้มน้อยๆ
 
"ก็นายไม่ต้องการแล้วไม่ใช่เหรอ มันถึงได้ตกอยู่ที่นั่น" เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางทำหน้างอนๆ
 
"แค่นี้เรายังเจ็บ ยังโกรธกันไม่พออีกเหรอ" เดรโกพูดพลางดึงตัวเธอเข้ามากอด "ฉันเจ็บจะตาย เวลาเห็นเธอทำหน้าเศร้า ฉันจะตายเสียให้ได้"
 
"เดรโก" เธอไมโอนี่พูดเสียงเบา พลางเงยหน้ามองเขา ทั้งสองคนมองตากันอยู่เนิ่นนาน ท่ามกลางเวลาที่หมุนเวียน เมื่อไม่กี่วันก่อน เฮอร์ไมโอนี่ยังรู้สึกว่าไม่มีทางใดที่เขาและเธอจะกลับมารักกันเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ทั้งเขาและเธออยู่ฝ่ายเดียวกัน และเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอและครอบครัว
 
"เฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้ไม่มีแผน ไม่มีหลุมพลาง ไม่มีโวลเดอร์มอร์ ไม่มีเจ้าพอตเตอร์ ไม่มีใครทั้งสิ้น เธอบอกฉันตามที่ใจเธอคิดได้ไหมว่าเธอคิดยังไงกับฉัน" เขาพูดพลางสบตาเธอ เขาต้องการคำตอบเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาคิด
 
"ฉันรักเธอเดรโก รักมาตั้งแต่...." ไม่ทันจะพูดจบเขาก็ก้มลงจูบเธออย่างอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนี่จูบเขากลับด้วยความโหยหา ทั้งสองจูบกันอยู่เนินนาน ราวกับว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาสองคนต้องการมานาน การที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน การที่ได้จูบกันอย่างนี้ แต่ก่อนที่ทั้งสองจะไปไกลกว่านั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ผลักเขาเบาๆ เป็นเชิงห้าม ทำให้เขามองเธอตาปรอย
 
"นายยังไม่ได้บอกเลยว่านายคิดยังไงกับฉัน" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดุ เธอไม่ยอมที่จะบอกเขาอยู่ฝ่ายเดียวหรอก
 
"ฉันรักเธอ มากกว่าอะไรทั้งหมดในโลก พอใจหรือยัง" เขาพูดพลางยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
 
"เดี๋ยว นายคงไม่คิดจะทำอะไรที่นี่ใช่ไหม" แม้ตอนนี้จะพลบค่ำแล้วก็เถอะ แต่ก็อาจจะมีใครขึ้นมาที่นี่ก็เป็นได้ เธอไม่อยากจะเสี่ยงสักเท่าไหร่ เขาเลิกคิ้วถามประมาณว่าถ้าใช่แล้วจะทำไม
 
"นายไม่กลัวใครจะมาเห็นเหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างกังวล ทำให้เขาทำหน้ามุ่ย แล้วเดินไปนั่งตรงที่ที่จัดเอาไว้นอนดูดาว
 
"เธอกลัวคนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของเราสองคนมากขนาดนั้นเลยเหรอ" เขาพูดอย่างโกรธเคือง ทำให้เธอถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตามเดิมแล้วสิ
 
"ไม่ใช่อย่างนั้น" เฮอร์ไมโอนี่เดินไปนั่งข้างๆ พร้อมเอาหัวพิงไหล่เขาเป็นเชิงอ้อน "ฉันแค่กลัวว่าจะมีใครมาเห็นตอนเรา...." เฮอร์ไมโอนี่หยุดพูดไปเพราะความอาย ทำให้เขายิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
 
"ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันแสกคาถาห้ามรบกวน และสาปลูกบิดเอาไว้ ถ้ามีใครมาจับก่อนที่ฉันจะแก้คำสาปจะเกิดแผลพุพองขึ้นทันที" เดรโกพูดเสียงน่ากลัว
 
"เดรโก นั่นมันศาสตร์มืดนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังด้วยความตกใจ
 
"อย่าไปสนใจเลยน่า ยังไงคืนนี้ก็ไม่มีใครเห็นประตูห้องนี้ เพราะฉันเสกคาถาบังตาเอาไว้ด้วย ร่ายคาถาสามชั้นขนาดนี้ยังจะกลัวอีกไหม" เขาพูดพลางก้มหน้ามาหาเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้มด้วยความเขินอาย เขาบรรจงจูบเธออย่างเชื่องช้า ราวกับจะลิ้มรสของเธอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะปลดกระดุมเสื้อเธอทีละเม็ด จนในที่สุดเขาและเธอก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
 
"เธอรู้ไหมเฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเลย" เขากระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ ก่อนที่จะพรมจูบเธอจนทั่วร่าง เดรโกค่อยๆ ลูบไล้ร่ากายของเธอช้าๆ เหมือนกับว่าไม่อยากให้ค่ำคืนนี้หมดไป เฮอร์ไมโอนี่ก็ตอบสนองเขาด้วยความโหยหา ทั้งสองบรรเลงบทเพลงรักที่ไม่อยากจะให้มีจุดจบกันอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะประคองกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน มองราตรีที่พร่างพราวไปด้วยหมู่ดาวมากมาย
 
"ฉันคิดว่าจะไม่มีวันนี้เสียแล้ว" เดรโกพูดขึ้น ขณะกอดเธอเอาไว้แนบอก
 
"ฉันก็เหมือนกัน" เฮอร์ไมโอนี่ตอบรับ
 
"ตอนที่ฉันรับทำงานนี้ ฉันคิดว่าฉันคงตาย และคงไม่รอดมาหาเธอหรอก" เดรโกพูดพลางจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ
 
"เอ้า เดรโกอย่าทำหายอีกนะ" เฮอร์ไมโอนี่ควานหาของในกระเป๋าเสื้อคลุม แล้วหยิบมาใส่คอให้เขา
 
"แล้วแหวนที่ฉันให้ เธอเอาไปไว้ไหน" เดรโกทวงถาม
 
"ก็อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมแหละ" เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหยิบมันขึ้นมา "ว่าจะทิ้งไปตั้งหลายรอบ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่กล้าทิ้งไป"
 
"เธอรู้ไหมเฮอร์ไมโอนี่ แหวนประจำตระกูลก็เหมือนแหวนแทนคนนั้น เวลาที่พ่อมดสายเลือดบริสุทธิ์ให้แหวนใคร แล้วมันมีความหมายอะไร" เขาพูดพลางเชยหน้าเธอขึ้นมาสบตากับเขา
 
"ฉันก็แค่แม่มดเลือดสีโคลน ฉันไม่รู้หรอก ว่าตระกูลที่สูงส่งของนายทำอะไรกัน" เธอพูดงอนๆ เมื่อเขาพูดเรื่องสายเลือด แต่เขาทำเป็นไม่เห็นเสียอย่างนั้น แล้วพูดอธิบายต่อ
 
"มันหมายความ ทั้งชีวิตและจิตใจของเขา ขอมอบให้คนๆ นั้นตลอดไป แต่งงานกับฉันนะเฮอร์ไมโอนี่" เขาพูดอย่างอ่อนโยน แล้วบรรจงจูบเธอช้าๆ "อย่าปฏิเสธเลย ขอร้องล่ะ ฉันไม่เหลือใครนอกจากเธออีกแล้ว ฉํนอยากจะใช้วินาทีทุกวินาทีที่เหลือโดยมีเธอเคียงข้าง"
 
"เดรโก" น้ำตาแห่งความดีใจรื้นขึ้นมาที่ขอบตา ความจริงเฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ ด้วยความที่เธอกับเขาต่างกันเกินไป โดยเฉพาะเรื่องสายเลือด และความคิด ทุกวันเวลาที่เขาและเธออยู่ด้วยกัน เธอจึงพยายามที่จะเก็บเกี่ยวความสุขให้ได้มากที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถทำได้
 
"ร้องไห้ทำไมยัยฟู" เขาพูดพลางก้มลงจูบที่เปลือกตาเธอเบาๆ "ว่าไงล่ะ"
 
"อืม ตกลงเดรโก" เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเบา เธอรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังอยู่ในความฝัน เธอกำลังฝัน แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่าความฝันที่เธอใคว่คว้ามานานจะกลายเป็นจริง เดรโกกระชับกอดเธอให้แน่นยิ่งขึ้น และจูบเธอด้วยความดีใจ ทั้งสองนอนกอดกันท่ามกลางฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาวนับล้าน จากวันนี้ต่อไป จะไม่มีใครจะต้องเหงา และอยู่ตามลำพัง เพราะไม่ว่าทั้งสองจะอยู่ที่ใด เขาก็จะรู้ว่ามีใครอีกคนคอยรักและห่วงใยอยู่นั่นเอง
 
+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:
 
<<<back                      2                           4                5               6             7              8               9               10              11               12