pue's tales ; tales from pue
eyes on me
Home
Fiction
HP-FanFiction
Non - Fiction
links

 
 
 
Eyes on me

ผมรู้ดีว่าผมเองก็ไม่เป็นที่ต้องการ โง่เง่า ขี้ขลาด และไม่มีอะไรน่าหลงใหลเลยสักนิด จนบางครั้งผมยังเกลียดตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าข้อดีของการที่ผมเซ่อซ่า ทำอะไรไม่ถูกอย่างหนึ่งก็คือ เธอ เธอมักจะยื่นมือเข้ามาช่วยผมในยามที่ผมลำบากทุกที ไม่ว่าจะเป็นครั้งใด ผู้หญิงอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ใช่ไหมครับ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลย ผมจะอยู่ในสายตาของเธอได้ยังไงในเมื่อข้างกายของเธอมีเพื่อนสนิทที่กล้าหาญและดีพร้อมอยู่ข้างกาย แล้วมีเหรอที่เธอจะมาสนใจผม
 
"นายเข้าใจหรือยัง นี่ อย่าเหม่อสิ ถ้านายไม่ทำ และจำไม่ได้ สเนปก็จะหาทางหาเรื่องนายอีกนะ" เสียงใสๆ ของเธอดังขึ้น เมื่อผมเหม่อมองหน้าเธอ โดยที่ไม่สนใจสิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่สักนิด
 
"เฮอร์ไมโอนี่ ขออีกทีนะ" ผมพูดสั่นๆ เมื่อเห็นสายตาดุๆ ของเธอ
 
"ก็ได้ แต่นายต้องตั้งใจฟังนะ" เธอมองหน้าผมอย่างหน่ายๆ ใช่สิใครจะมาอธิบายให้ผมฟังบ่อยๆ ซ้ำๆ ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเธอ
 
"เฮอร์ไมโอนี่ๆ" เสียงรอนที่เพิ่งก้าวผ่านรูปภาพดังขึ้น ทำให้เธอหันเหความสนใจจากผมไปมองชายหนุ่มผมแดงที่ตอนนี้สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก
 
"อะไรรอน ฉันไม่ว่างกำลังสอนการบ้านเนวิลล์อยู่" เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหันหน้ามาทางผมอีกครั้ง และจังหวะที่เธอกำลังจะอธิบายผมอีกรอบ รอนก็นั่งลงใกล้ๆ เธอ พลางเขย่าแขนซ้ายของเธออย่างสนิทสนม
 
"เธอต้องไปช่วยฉันก่อน นี่มันเรื่องใหญ่นะ" รอนพูดพลางกระซิบเบาๆ ข้างหูของเธอ สีหน้าของเธอมีแววตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะหันมาบอกผมว่าเดี๋ยวเธอมา ผมถอนหายใจช้าๆ พลางมองร่างสองร่างที่รีบร้อนออกไป ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไรที่เร่งรีบของรอน จนรอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว แต่สิ่งที่ผมรู้ก็คือผมอิจฉา มือที่ผมอยากจะจับ แต่ไม่เคยกล้าแม้แต่จะแตะเพียงเล็กน้อย แต่รอนกลับจับได้อย่างไม่เขินอาย ผมพิงตัวกับโซฟาสีแดงในห้องนั่งเล่นรวม พลางหลับตาช้าๆ ภาพตอนเจอเธอครั้งแรกไหลเวียนเข้ามาในความทรงจำของผม
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
วันนี้เสียงรถจักรบดกับรางเสียงดังระงมไปทั่ว ผมซึ่งมัวแต่ลืมนู่นลืมนี่ขึ้นรถไฟแทบจะเป็นคนสุดท้าย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าจะไม่มีที่ให้ผมนั่งแม้แต่สักตู้เดียว เสียงคุยดังระงมขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวน ผมรู้สึกสั่นเล็กน้อย เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้น ในวินาทีนั้นผมยืนคว้างอยู่ตรงทางเดิน ไม่รู้เหนือรู้ใต้
 
"เฮ้ เข้ามานั่งด้วยกันไหม ยังพอมีที่ว่าง" เสียงใสๆ เรียกผม ทำให้ผมหันไปมองทันที ใบหน้าของเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาล ตากลมโต เปิดประตูตู้รถไฟออกมาเรียกผม ผมพยักหน้าตื่นๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไป
 
"ฉันเกรนเจอร์ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก" เธอเริ่มบทสนทนา เธอเป็นคนพูดเก่ง หรือบางทีจะพูดมาก และขี้บ่นในสายตาคนอื่นก็ตาม แต่ผมเองก็ยังชอบที่เธอจะเป็นอย่างนี้ เพราะทุกคำพูดของเธอล้วนแต่มีความห่วงใยแอบแฝงอยู่ด้วย ไม่มากก็น้อย การเดินทางสู่ฮอกวอร์ตของผมในวันนั้นจึงเป็นไปด้วยความราบรื่น ถ้าเทรเวอร์ไม่หายไปเสียก่อน....
 
"นายนี่จริงๆ เลยนะเนวิลล์ นายน่าจะดูแลสัตว์เลี้ยงของเธอได้ดีกว่านี้ หรือถ้าคิดว่าดูและมันไม่ได้ก็ไม่ต้องเอามาเลี้ยง..." เธอบ่นผมเสียยืดยาว แต่ผมก็ไม่ใส่ใจหรอกครับ เพราะเสียงบ่นนั้นยังห่างไกลจากย่าของผมอยู่มาก เทียบชั้นกันไม่ได้เลย จากนั้นเธอก็บอกให้ผมไปดูต้นขบวนส่วนเธอจะไปดูที่ท้ายขบวนเอง จากนั้นทุกคนก็คงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเป็นคนที่เจอคางคกของผม เราคุยกันอยู่อีกสักพักก่อนที่จะเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าไปในปราสาท.........
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
".......วิล เนวิล นายหลับเหรอ" เสียงคนๆ หนึ่งดังขึ้น ทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
 
"เชมัส นะ นายมีอะไรกับฉันเหรอ" ผมพูดอย่างตื่นตกใจ เล่นมาเงียบๆ ไม่ทำให้ผมตกใจได้ยังไงเล่า
 
"เปล่า ฉันจะถามว่าเฮอร์ไมโอนี่เขาสอนนายทำการบ้านวิชาปรุงยาเรียบร้อยหรือยัง คือ ฉันจะขอดูหน่อยน่ะ" เสียงเพื่อนของผมพูดขึ้นพลางยิ้มแปร้ ผมรู้ดีว่าเพื่อนๆ ไม่มีใครกล้าที่จะไปขอเธอดูตรงๆ หรอกครับ นอกจากรอนกับแฮร์รี่ ที่สนิทกับเธอที่สุด ส่วนมากก็จะผ่านคนอื่นๆ ทั้งนั้น
 
"ยังไม่เสร็จหรอก พอดีรอนเขามีเรื่อง เฮอร์ไมโอนี่ก็เลยต้องไปกับรอน" ผมพูดเบาๆ อย่างเหนื่อยใจ ขอเวลาให้อีกสักนิดก็ไม่ได้ ช่วงเวลาที่สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ผมคนเดียว
 
"งั้นเหรอ งั้นเดี๋ยวคงมาสินะ ถ้าเสร็จแล้ว ฉันขอดูนะ เออ ว่าแต่ว่านายว่ารอนชอบเฮอร์ไมโอนี่หรือเปล่า แต่ฉันว่าชัวร์นะ ตอนงานเลี้ยงเต้นรำเมื่อตอนวันคริสต์มาสยิ่งชัดเลย รอนหึงออกนอกหน้านอกตา......" นั่นสินะ ใครจะดูไม่ออกว่ารอนแอบมีใจให้เฮอร์ไมโอนี่ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่บอกออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่ทุกคนก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่คิดยังไง หรือชอบใคร ผมรู้สึกโล่งอกที่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอสนใจที่สุดตอนนี้ยังคงเป็นหนังสือที่เธอหอบวันล่ะไม่ต่ำกว่า 10 เล่ม แต่ถึงอย่างนั้นก็อดวางใจไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าวิกเตอร์ ครัมจะแอบชอบเธออยู่ ไม่แน่เธออาจจะแอบมีใจให้เขาก็เป็นได้ ไม่งั้นจะรับปากไปงานเต้นรำกับเขาได้ยังไง........
 
----------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------

ตอนนี้ผมเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องเรียนตัวเลขมหัศจรรย์ของเธอ ชั่วโมงนี้ผมไม่มีเรียน ผมจึงเดินมารอเธอ เพราะผมไม่อยากที่จะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน ผมเดินวนไปวนมาอยู่นาน เพื่อรวบรวมความกล้า ใช่ ผมเป็นกริฟฟินดอร์ผมต้องกล้าหาญ แค่เรื่องเท่านี้เอง ทำไมจะพูดไม่ได้
 
"เนวิลนายมาทำอะไรแถวนี้" เสียงเธอดังขึ้นหลังผม ทำให้ผมหันไปมองด้วยความประหม่า
 
"เอ่อ....เฮอร์ไมโอนี่บังเอิญจัง" ผมรู้สึกอยากตบปากตัวเองชะมัดที่พูดจาอย่างนั้นออกไป จะบังเอิญได้ยังไงในเมื่อผมจงใจมารอเธอ
 
"บังเอิญ?" เธอเลิกคิ้วมองผมด้วยความสงสัย "ฉันเห็นเธอเดินวนไปวนมาแถวนี้ มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่สบายตรงไหน หรือว่าโดนศ.สเนปให้ทำการบ้านพิเศษ"
 
"ปะ เปล่า ไม่มีอะไร" ผมพูดติดๆ ขัดๆ รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว
 
"เนวิล เธอควรไปหามาดามพอมฟรีย์นะ ฉันว่าเธอคงจะไม่สบาย ดูสิหน้าแดงเชียว" เธอพูดด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเหมือนเคย ผมเงยหน้าสบตาเธอด้วยความประหม่า พลางสูดลมหายใจลึกๆ
 
"เฮอร์ไมโอนี่ ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอ" ผมกลั้นใจพูดออกไป เธอเอียงคอมองผมด้วยความสงสัย
 
"เรื่อง.....?" เธอมองหน้าผมเขม็ง เมื่อเห็นผมไม่พูด เอาแต่บิดไปบิดมา
 
"เอ่อ......"
 
"นี่ถ้านายไม่พูดฉันจะไปแล้วนะ" ผมรู้สึกประหม่ายิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มหงุดหงิด ผมนี่มันไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
 
"เดี๋ยวเฮอร์ไมโอนี่ คือว่า......ไปห้องพยาบาลกับฉันหน่อยสิ ฉันไม่กล้าไปคนเดียว
 
" โธ่เอ้ย ผมอยากเอาขี้เถ้ายัดปากตัวเองจัง ไม่น่าเลย ผมควรพูดในสิ่งที่ผมสมควรจะพูดไม่ใช่อย่างนี้
 
"ได้สิ" ใบหน้าของเธอมีความสงสัยเล็กน้อย ก่อนที่จะออกเดิน เฮ้อ ผมถอนหายใจดังเฮือก เอาน่ากว่าจะถึงห้องพยาบาลคงจะมีโอกาสบ้าง...........
 
"น่าตื่นเต้นเนอะงานเต้นรำ นายมีคู่หรือยัง" เธอถามผมอย่างอารมณ์ดี ผมให้ผมรู้สึกใจชื้น ใช่ใช้โอกาสนี้ถามเธอดีกว่า เป็นธรรชาติ และดูไม่เขินอายมากด้วย
 
"ยังหรอก เอ่อ ถ้าเธอไม่รังเกียจ ไปกับฉันได้ไหม" ทันทีที่ผมพูดขึ้นหัวใจของผมเต้นกระตุกไม่เป็นจังหวะ ได้โปรดเถอะ ไปกับผมเถอะ ผมเฝ้าภาวนาในใจ เธอหยุดเดินและหันมามองผม สีหน้าเธอเสียใจอย่างสุดซึ้ง
 
"เอ่อ.... ขอโทษนะเนวิล พอดีมีคนชวนฉันก่อนหน้านี้ และฉันก็ตกลงไปแล้ว ขอโทษจริงๆ" วินาทีที่เธอพูดประโยคนี้หัวของผมวางเปล่า มีคนชวนเธอไปแล้ว ใครกันนะ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายที่ดีกว่าผมอย่างแน่นอน
 
"เหรอ ใครล่ะ" ผมหันไปมองหน้าเธอที่กำลังหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด
 
"เอ่อ ถ้าฉํนบอกนายแล้ว นายห้ามบอกใครนะ ฉันไม่อยากโดนล้อ" เธอหันมามองผม พลางบังคับให้ผมสัญญา ผมพยักหน้าช้าๆ ทำให้เธอพอใจอย่างเห็นได้ชัด "วิกเตอร์ ครัม" ให้ตายสิ ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าผู้ชายที่ชวนเธอไปด้วยจะต้องเป็นผู้ชายที่ดีกว่าผม แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ วิกเตอร์ ครัม ซีกเกอร์ขวัญใจสาวๆ ผมไม่แปลกใจเลยที่เธอจะไปกับเขา
 
.......
 
ในวันงานผมเดินควงคู่ไปกับจินนี่ น้องสาวของรอนที่ผมชวนเธอหลังจากที่ถูกเฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ ทีแรกผมเองก็ตั้งใจจะไปคนเดียว แต่เห็นจินนี่บ่นกับเพื่อนๆ ว่าอยากร่วมงานแต่ไม่มีใครชวน ผมก็เลยตะโกนถามสบายๆว่าไปกับผมไหม ซึ่งเธอก็รับปากทันที คืนนั้นเป็นคืนที่ทุกคนดูสวยและหล่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมยังไม่เห็นเธอคนนั้นเลยแม้แต่แว๊บเดียว และทันใดนั้น ตัวแทนกับคู่เต้นก็ออกมา ผมเห็นเธออกมาเต้นเปิดฟลอร์พร้อมครัม ดวงตาของเธอเป็นประกาย ผิวขาวเนียนในชุดสีฟ้าที่เข้ากัน ทำเอาผมหลงใหล แต่ก็ทำให้ผมถอนหายใจ หลังจากงานนี้ไม่รู้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกกี่คน เพราะคืนนี้เธอสวยจริงๆ บางทีอาจจะสวยกว่าโช  แชงสาวสวยบ้านเรเวนคลอเสียอีก
 
"โอ้ย" เสียงจินนี่ร้องขึ้น เมื่อผมเหยียบเธอเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
 
"ขอโทษ" ผมพูดขอโทษ พลางถอนหายใจ ทำไมนะผมต้องมองเธอด้วย แล้วทำไมคืนนี้คนๆ นั้นที่ยืนคู่เธอในวันนี้ไม่ใช่ผม........

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
สายลมยังพัดเอื่อยๆ เช่นเดียวกับทุกวัน วันนี้ผมสมัครใจที่จะมานั่งมองน้ำแข็งตามต้นไม้ละลายกลายเป็นหยดน้ำใสๆ ส่องประกายงดงามยามต้องกับแสงอาทิตย์เพียงลำพัง ภารกิจที่สองของการประลองเวทย์ภาคียังคงอยู่ในความทรงจำของผม ภาพที่วิกเตอร์ ครัม อุ้มเธอขึ้นมาจากน้ำยังคงติดตาผมอยู่ไม่มากก็น้อย เธอเป็นยอดถวิลหาของครัม ตอนนี้ถึงไม่บอกก็รู้ว่าวิกเตอร์ ครัม ซีกเกอร์ทีมชาติบัลกาเรียกำลังต้องตาต้องใจเธออยู่ ผมเอาก้อนหินเล็กๆ โยนไปที่ทะแลสาบอย่างสิ้นหวัง ผมมีอะไรที่สู้เขาได้ ไม่มี ไม่มีแม้แต่อย่างเดียว ความกล้าหาญ ความดัง ความสามารถ หรือแม้แต่อะไรก็ตาม ไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลยจริงๆ ผมหลับตาลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยล้า พลางหัวเราะเยาะตัวเองในใจ ทำไมเหนอ ผมถึงรู้สึกสมเพทตัวเองอย่างนี้ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าการแอบรักคนอื่น โดยเฉพาะเพื่อนตัวเองกลับทำให้ผมรู้สึกเศร้าและสมเพทตัวเองได้ขนาดนี้
 
"เป็นที่ถวิลหาของเจ้าครัมนั่น เธอคงภูมิใจมากเลยนะ เธอนี่ชอบอยู่กับคนดังอยู่เรื่อย เพื่อยกระดับให้ตัวเองดูเด่นขึ้นมาหรือไง" เสียงเรียบๆ เย็นๆ ดังขึ้น ทำให้ผมลืมตาและหันไปมองทันที เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย ผมใจหายวาบ ใจของผมอยากจะเดินไปช่วยเธอเหลือเกิน แต่......ขาผมนี่สิ ขี้ขลาดอย่าบอกใคร มันไม่ยอมขยับท่าเดียว
 
"ไม่ใช่เรื่องของนายมัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง นี่แหละเธอ ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น
 
"ง้านเหรอ" มัลฟอยพูดพลางส่งสายตากวนๆ ไปให้เธอ
 
"ถ้านายไม่เอาสายเลือดบริสุทธิ์สกปรกของนายออกไปจากตรงนี้สักที ฉันจะตบนายอย่างเมื่อปีที่แล้ว" เธอหอบหายใจด้วยความโมโห มองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างหงุดหงิดใจ
"เสียใจ ที่นี่ไม่ใช่ของเธอ ถ้าเธอไม่อยากเห็นหน้าฉัน เธอก็......"
 
"ได้ ฉันไปเอง" เธอพูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าปราสาทไป ผมพ่นลมดังฟู่ที่ไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกตะลึงก็คือสายตาของผู้ชายที่กวนเธอเมื่อกี้ เพราะหากเธอหันมามองสักนิด เธอคงจะเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาวรณ์ที่มองเธอเดินจากไป แววตาที่ผมคุ้นเคย แววตาที่ผมมียามที่มีใครเบี่ยงความสนใจของเธอไปจากผม ดวงตาที่อยากให้ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นสนใจมาที่ตัวเองคนเดียว แววตาของคนที่อยากจะอยู่ในเงาสะท้อนของดวงตาของเธอ อยากจะอยู่ในความสนใจของเธอ แม้ชั่ววินาที
 
ผมล้มลงนั่งอย่างหมดแรง แต่มันคงแรงเกินไปจนทำให้ร่างขาวซีดหันมามองอย่างอาฆาต ครั้งนี้ผมไม่ได้สั่น ไม่ได้ตกใจ ไม่ได้ขาแข็งอย่างทุกที แต่ผมรู้สึกว่าผมมีเพื่อน..... เพื่อนที่คิดเหมือนกับผม ตกที่นั่งเดียวกับผม แม้จะเป็นศัตรูประจำบ้านก็เถอะ
 
"มัลฟอย ถ้านายไม่รังเกียจก็มานั่งคุยด้วยกันเถอะ" ผมพูดเบาๆ ความหวาดหวั่นยังคงมีบ้างเล็กน้อย แต่ผมก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงเรียกเขามานั่งด้วยกัน แต่แทนที่เขาจะปฏิเสธกลับรับคำชวนของผมเงียบๆ โดยการเดินมานั่งใต้ร่มไม้เดียวกับผม
 
"นายเห็นอะไรบ้าง" เขาถามเสียงแข็ง รอยยิ้มระบายขึ้นที่ริมฝีปากของผมทันที.........
 
"เห็นคนที่คิดเหมือนกันล่ะมั้ง อยากจะอยู่ในสายตาของเธอบ้าง สักวินาทีก็ยังดี" ผมพูดความในใจของผมอย่างไม่อาย เด็กผู้ชายผิวขาวซีดมีริ้วรอยแดงๆ เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
 
"นี่ ลองบอทท่อม ถ้านายเอาเรื่องฉันไปพูด นายได้เหลือแต่ปากแน่ๆ" เขาพูดพลางหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาขู่ ผมรู้สึกสั่นเล็กน้อย แต่ก็ฝืนพูดออกไป
 
"ไม่หรอก นายก็เหมือนฉัน ฉันเข้าใจดี ไม่พูดอย่างแน่นอน"
 
"ก็ดี" มัลฟอยพูดพลางลุกขึ้นและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว นั่นสินะ ใครๆ ก็อยากอยู่ในสายตาของคนที่เขาชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผมหรือมัลฟอย ไม่ว่าจะเป็นสายตาของความสงสารเวทนา หรือว่าสายตาของความเกลียดชังและขุ่นเคือง ขอเพียงเธอมีผมในสายตาแม้สักวินาทีก็พอ..........
 
 
***********